เร่งช่วยน้องหมาในแม่น้ำที่กำลังกลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนพบเซอร์ไพรส์ไม่ใช่น้องหมาทั่วไป

...กำลังโหลดข้อมูล...

.

.

.

ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าประหลาดใจ เราไม่มีทางรู้แน่ชัดและไม่สามารถรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีถัดไปได้ ถึงแม้จะเตรียมตัวมาพร้อมเพื่อรับมือกับทุกความเป็นไปได้แล้วก็ตาม นั่นเพราะในท้ายที่สุดแล้วสิ่งไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นเสมอ

.

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งวันทำงานที่แสนธรรมดาของ “แรนโด้ คาร์ทเซปป์” (Rando Kartsepp)  “โรบิน ซิลลาเม” (Robin Sillamäe) และ “เอร์กี้ วาลิ ” (Erki Väli) พนักงานในเขื่อนแห่งหนึ่งในประเทศเอสโตเนีย จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นบางอย่างในแม่น้ำปาร์นูที่เย็นยะเยือกและกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง! ก่อนจะเพ่งสายตามองอยู่ครู่และพบว่าเป็นน้องหมาตัวหนึ่งที่กำลังพยายามเอาชีวิตรอด ตะเกียกตะกายว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง

Eestimaa Loomakaitse Liit

แม่น้ำปาร์นู

.

เมื่อเห็นดังนั้นแรนโด้ โรบินและเอร์กี้ ก็ไม่นิ่งดูดายเร่งเข้าไปช่วยน้องหมาผู้โชคร้ายตัวดังกล่าวเอาไว้ทันที ก่อนจะพากลับไปที่สำนักงานหาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้น้องหมาจนแห้ง แล้วใช้ผ้าห่มผืนโตมาคลุมตัวน้องหมาเอาไว้ ด้วยหวังว่าจะสามารถช่วยทำให้อุณหภูมิในร่างกายน้องหมาค่อย ๆ อุ่นขึ้นกลับสู่สภาวะสมดุลอีกครั้ง แต่ทว่าเวลาผ่านไปอุณหภูมิร่างกายน้องหมากลับไม่ยอมเพิ่มขึ้น ทั้งยังมีอาการหนาวสั่นและดูอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ อย่างน่ากังวลใจ พวกเขาจึงตัดสินใจติดต่อไปที่คลินิกสัตว์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอคำปรึกษาจากสัตวแพทย์ 

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

หลังจากที่ได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นและอธิบายอาการทั้งหมดของน้องหมาให้สัตวแพทย์ฟัง น้องหมาก็ถูกประเมินว่าอาการเข้าขั้นวิกฤติเสี่ยงเสียชีวิต สัตวแพทย์จึงเร่งให้แรนโด้ โรบินและเอร์กี้พาน้องหมามาที่คลินิกโดยด่วนก่อนที่จะสายเกินไป แรนโด้เร่งอุ้มน้องหมาขึ้นรถและกอดเอาไว้แน่นตลอดการเดินทางด้วยหวังใช้ไออุ่นปกป้องน้องหมาผู้โชคร้าย แต่น้องหมากลับดูอ่อนแรงและผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของแรนโด้หลังจากที่ออกเดินทางได้ไม่กี่นาที

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

เมื่อเดินทางมาถึงคลินิกสัตว์ สัตวแพทย์ได้เร่งตรวจร่างกายให้น้องหมาผู้โชคร้ายทันที แต่ทว่าสัตวแพทย์กลับไม่สามารถระบุสายพันธุ์ของน้องหมาได้ ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากนายพรานมากประสบการณ์ในพื้นที่ช่วยยืนยัน ด้วยสงสัยว่าน้องหมาที่ถูกช่วยไว้อาจจะไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอย่างที่แรนโด้ โรบินและเอร์กี้เข้าใจ หลังจากใช้เวลาอยู่เพียงครู่นายพรานมากประสบการณ์ก็ยืนยันว่าน้องหมาผู้โชคร้ายไม่ใช่สัตว์เลี้ยงเช่นน้องหมาบ้านทั่วไปแต่ทว่าเป็น “หมาป่า”

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

แรนโด้ โรบินและเอร์กี้ต่างรู้สึกตกใจและประหลาดใจกันมาก เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากนายพรานว่าเพื่อนสัตว์ผู้น่าสงสารที่ช่วยไว้เป็นสัตว์ป่านักล่าที่ดุร้าย พวกเขาอธิบายว่าในตอนแรกก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันเมื่อได้เห็นรูปร่างของน้องหมาใกล้ ๆ เขาดูแตกต่างจากน้องหมาบ้านทั่วไปแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหมาป่า ดังนั้นจึงไว้ใจพาเข้าไปนอนพักในสำนักงานแถมยังพาขึ้นรถมาหาสัตวแพทย์โดยไร้สายจูงด้วย พวกเขาคิดย้อนกลับไปและตระหนักว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตรายที่จะถูกสัตว์ป่าทำร้าย แต่ทว่าหมาป่าที่น่าสงสารกลับแสดงท่าทีเป็นมิตร และยอมเปิดใจโอบรับความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์แปลกหน้าอย่างพวกเขาอย่างน่าแปลกใจ นั่นคงเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความปรารถนาดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติสำหรับสัตว์ป่าที่ไม่เคยใกล้ชิดกับมนุษย์มาก่อนอยู่ดี

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

นับว่าเป็นความโชคดีที่หมาป่าเป็นมิตร หรืออาจจะอยู่ในภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอเกินกว่าจะทำร้ายใครได้ นั่นจึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเหลือในครั้งนี้ แต่ก็คงจะปลอดภัยได้อีกไม่นาน! สัตวแพทย์มีความเห็นว่าหากหมาป่าฟื้นตัวเต็มที่อาจจะลุกขึ้นมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงและผู้คนในคลินิกสัตว์ได้ สัตวแพทย์จึงจำเป็นต้องขังหมาป่าเอาไว้ในกรงที่แยกเฉพาะแต่ก็ยังคงให้การรักษาต่อจนกว่าเขาจะกลับมาหายเป็นปกติอีกครั้ง

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันหมาป่าก็ฟื้นตัวดีขึ้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเอสโตเนียก็ได้เข้ามาดูแลต่อ เมื่อหมาป่าผู้โชคร้ายถูกประเมินว่าสภาพร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็พาเขากลับคืนสู่ป่าอีกครั้ง พร้อมกับติดปลอกคอ GPS ให้เพื่อติดตามเพราะยังรู้สึกเป็นห่วง

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

ทันทีที่หมาป่าได้รับอิสรภาพ เขาก็รีบสับเท้าวิ่งด้วยความเร็วก่อนหายตัวเข้าไปในป่า แรนโด้ โรบินและเอร์กี้อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขาบอกลาเพื่อนสัตว์ป่าที่เคยช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจบเรื่องราวที่ยากจะลืม!

Eestimaa Loomakaitse Liit

.

หนึ่งเดือนหลังจากได้รับการปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ได้พบกับหมาป่าอีกครั้ง ห่างจากจุดที่เขาได้รับอิสรภาพไปไกลกว่า 112 กิโลเมตร น่าดีใจที่พวกเขาพบว่าหมาป่ามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์แบบแล้ว ดูเหมือนว่าหมาป่าหนุ่มตัวนี้กำลังเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตนักล่า หวังว่าประสบการณ์ที่เลวร้ายและแสนโชคดีที่ผ่านเข้ามาจะทำให้เขาเติบโตเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่งขึ้น โชคดีเพื่อน!

.

.

.

 

.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip 

..................................................................
บทความโดย dogsclip.com

“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”

.

.