เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดกวินตาน่า รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พบโลมาตัวหนึ่งกำลังนอนเกยตื้นอยู่บริเวณริมชายหาด ด้วยความน่ารักและเป็นมิตรทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินเข้าไปเพื่อยืนมุงเฝ้าดูโลมาในระยะประชิด ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งได้ตระหนักถึงอันตรายพยายามช่วยเหลือโลมาผู้โชคร้ายกลับลงสู่ทะเล ซึ่งในเวลาต่อมาการช่วยเหลือของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ โลมาได้กลับลงไปแหวกว่ายในท้องทะเลอีกครั้ง
.
.
แต่ทว่าเรื่องราวกลับไม่จบลงเท่านั้น เมื่อโลมาตัวดังกล่าวกลับขึ้นมาเกยตื้นอีกครั้งก่อนที่จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ได้พยายามเข้าไปเฝ้ามองโลมาที่กำลังอ่อนแอในระยะประชิดเพื่อได้สัมผัสและขึ้นไปขี่บนหลังของเธอ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง จากนั้นเหตุการณ์เศร้าสลดก็เกิดขึ้นเมื่อโลมาผู้โชคร้ายสิ้นใจตายก่อนที่เจ้าหน้าที่เครือข่ายอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Texas Marine Stranding Photos จะเดินทางมาถึงเพื่อช่วยเหลือ
.
.
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุการตายของโลมาอาจจะเกิดจากความเครียด หลังจากที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากพยายามเข้าไปใกล้ชิด บ้างก็พยายามสัมผัสและขี่หลังเธอ ซึ่งเป็นการกระทำกับสัตว์ป่าที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสัตว์ป่าที่กำลังอ่อนแอและต้องการความช่วยเหลือ
.
“โลมาในภาพนี้ถูกพบเกยตื้นอยู่บนชายหาดกวินตาน่า รัฐเท็กซัส เมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและถูกช่วยกลับลงทะเลโดยนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งพยายามจะเข้าไปว่ายน้ำใกล้ ๆ โลมาและพยายามขี่หลังเธอด้วย ในที่สุดการถูกคุกคามโดยนักท่องเที่ยวก็ทำให้เธอเกิดความเครียดสะสมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา”
เจ้าหน้าที่ของเครือข่ายอนุรักษ์ฯ กล่าว
.
.
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวอีกว่า การที่นักท่องเที่ยวพยายามเข้าไปใกล้โลมาเป็นการคุกคามซึ่งทำให้โลมาตามธรรมชาติตกอยู่ในภาวะเครียดและหากสะสมมากเกินไปอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้
.
“หากพวกคุณพบโลมาหรือสัตว์ทะเลชนิดใด ๆ กำลังเกยตื้นอยู่ริมชายหาดโปรดอย่าพยายามพาสัตว์เหล่านั้นกลับลงสู่ทะเลด้วยตัวคุณเอง อย่าเข้าใกล้หรือสัมผัสตัวของพวกเขา โปรดรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือสัตว์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อเข้าช่วยเหลือแทนจะดีกว่า เพราะสัตว์เหล่านี้เปราะบางมากกว่าที่คุณคิด”
เจ้าหน้าที่ของเครือข่ายอนุรักษ์ฯ กล่าวเสริมเพื่อแนะนำวิธีที่ถูกต้องในการช่วยเหลือสัตว์ทะเล
.
ภายหลังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลชายหาดกวินตาน่าได้ออกมาให้ความเห็นว่า การตายของโลมาเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ไม่ควรเกิดขึ้น พวกเขาเสียใจและจะพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
.
ขณะนี้ร่างของโลมาผู้โชคร้ายถูกส่งไปยังเครือข่ายอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Texas Marine Stranding Photos เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้ง
.
.
การกระทำของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล (MMPA) ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330,000 บาท) หรือจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี
.
เมื่อปี พ.ศ.2557 ที่ผ่านมา นักชีววิทยาทางทะเลจากรัฐแคลิฟอร์เนียเคยถูกปรับเงินเป็นจำนวนถึง 12,000 ดอลลาร์สหรัฐและถูกคุมประพฤติเป็นเวลานานถึง 3 ปี หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล จากการเข้าไปให้อาหารวาฬเพชฌฆาตที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามอนเทอเรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
.
การให้อาหารเหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังส่งผลเสียทางอ้อมด้วย เช่น ทำให้พฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ป่าเปลี่ยนไป พวกเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับมนุษย์ กล้าเข้าใกล้มนุษย์และเรือมากขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาเสี่ยงได้รับอันตรายจากมนุษย์ใจร้าย หรือได้รับบาดเจ็บจากใบพัดเรือ
.
นอกจากนั้นแล้วการให้อาหารแก่สัตว์ป่ายังมีโอกาสทำให้สัตว์ป่าสูญเสียความสามารถในการหาอาหารด้วยตนเอง หรือในบางครั้งอาหารจากมนุษย์ก็กลายเป็นอันตรายที่ร้ายแรงแก่สัตว์ป่าเนื่องจากไม่เหมาะสมหรือมีการปนเปื้อนของสารที่เป็นพิษกับสัตว์ป่า ดังนั้นการปล่อยให้สัตว์ป่าได้อยู่ตามธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่ดีและสมควรที่สุด
.
การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้คำแนะนำว่าควรรักษาระยะห่างอย่างน้อย 150 ฟุตจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เพื่อจะไม่เป็นการรบกวนการใช้ชีวิตตามธรรมชาติของพวกเขา
.
“ไฮดี ไวท์เฮด” (Heidi Whitehead) จากศูนย์อนุรักษ์ Marine Mommal Stranding Network รัฐเทคซัสประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า
.
“คนส่วนใหญ่อาจเชื่อว่าการช่วยพาโลมาเกยตื้นกลับลงทะเลให้เร็วที่สุดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่จริง ๆ นั่นไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมนัก การช่วยโลมาด้วยความไม่ระมัดระวังอาจจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดี เพราะหากโลมาตัวนั้นกำลังป่วยหรือร่างกายอ่อนแออยู่พวกเขาอาจจะจมน้ำตายในทะเลได้ หรือแม้กระทั่งการที่มนุษย์เข้าไปสัมผัสตัวโลมาก็อาจจะทำให้โลมาเกิดความเครียดจนส่งผลให้ตายได้ในที่สุด ”
.
ไฮดีอธิบายเพิ่มเติมว่า วิธีช่วยโลมาหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลชนิดอื่น ๆ ที่เกยตื้นบนชายหาดที่ดีที่สุดคือการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุด
.
เกร็ดความรู้เก็บมาฝาก
ทำอย่างไรเมื่อพบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น?
.
1. แจ้งเจ้าหน้าที่
2. ถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันสภาพสัตว์
3. พิจารณาตัวสัตว์
3.1 หากพบว่าแข็งแรงดีให้ปล่อยลงสู่ทะเลทันที
3.2 หากพบติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ
3.2.1 มีบาดแผลเพียงเล็กน้อย เช่น แผลถลอกชั้นผิวหนัง, มีรอยรัดแต่สมานดีแล้วแต่ยังสามารถเคลื่อนที่ ดำน้ำได้ สามารถปล่อยสู่ทะเลได้ทันที
3.2.2 มีบาดแผลฉกรรจ์ เช่น บาดแผลลึกมีการอักเสบ, แผลมีเลือดไหลไม่หยุด, กระดูกหรือกระดองแตก ไม่ควรละเลยปล่อยสู่ทะเล ควรแจ้งและรอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมารับเพื่อดูแลต่อไป
3.3 สัตว์ป่วยแต่ไม่พบบาดแผลภายนอก เช่น ไม่สามารถทรงตัวได้, ไม่สามารถดำน้ำหรือว่ายน้ำได้, ว่ายน้ำได้แต่ผิดปกติ เช่น ว่ายวน ว่ายเอียง เป็นต้น ควรแจ้งและรอให้เจ้าหน้าที่เดินทางมารับไปดูแล
4. การเตรียมอุปกรณ์ในการขนย้าย หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายสัตว์
4.1 ประเภทเต่าควรมีกระบะขนย้าย ผ้าขนหนูชุบน้ำ
4.2 ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เช่น โลมา ควรมีเปลขนย้าย ผ้าขนหนูชุบน้ำ เบาะลมหรือฟูก อุปกรณ์ให้ความชื้นผิวหนัง กระบะขนย้ายในกรณีขนย้ายแบบเปียก
.
.
การช่วยเหลือสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมเกยตื้นเบื้องต้น
1. จัดตำแหน่งให้สัตว์ตั้งตรง
2. เข้าหาสัตว์อย่างนุ่มนวล โดยเข้าหาจากทางด้านหลังตัวสัตว์
3. พยุงตัวสัตว์เพื่อลดการบาดเจ็บ เช่น ขุดร่องน้ำรอบตัวสัตว์เพื่อเติมน้ำลงไป ใช้เบาะลมรอง หรือประคองตัวสัตว์ไว้ในทะเล (หากคลื่นทะเลสงบ)
4 ใช้ผ้าชุบน้ำรักษาความชุ่มชื้น หรือ หมั่นราดน้ำให้ความชื้นแก่ผิวหนังของสัตว์
5. ปกป้องครีบข้าง ดวงตาและรูหายใจ
6. ลดความเครียดที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์ เช่น งดเสียงดัง งดแสงและงดการเข้าใกล้ตัวสัตว์ งดสูบบุหรี่ เป็นต้น
7. สร้างสิ่งกำบังป้องกันปัจจัยภายนอก เช่น พายุ แสงแดดและฝน
.
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
