นาวิกโยธินของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ได้รับการบ่มเพาะให้ดำเนินชีวิตด้วยค่านิยมหลัก 3 ประการอันได้แก่ เกียรติยศ ความกล้าหาญและความมุ่งมั่น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ "สิบเอกเรคเลส" นำไปปฎิบัติใช้ซึ่งในเวลาต่อมาเธอได้กลายเป็นผู้สร้างวีรกรรมที่น่าจดจำและถูกกล่าวถึงเยี่ยงวีรสตรีเสมือนตัวแทนของค่านิยมหลัก 3 ประการ
.
.
“เรคเลส” (Recklesss) เป็นอาชาผู้หาญกล้า สายพันธุ์มองโกล เพศเมีย เกิดในปี พ.ศ. 2491 ที่ประเทศเกาหลี หลังจากนั้นไม่นานนักนาวิกโยธินสหรัฐนายหนึ่งก็ได้มีโอกาสไปพบก่อนจะตัดสินใจซื้อเธอจากเด็กหนุ่มชาวเกาหลีในราคา 7,700 บาท เด็กหนุ่มคนดังกล่าวจำใจต้องขายเธอเพื่อนำเงินที่ได้ไปซื้อขาเทียมให้กับน้องสาว เรคเลสมีน้ำหนักตัว 400 กิโลกรัมเธอไม่ได้มีรูปร่างใหญ่โตสวยงามตามแบบฉบับพิมพ์นิยม ขนาดตัวของเธอเล็กกว่าม้าปกติทั่ว ๆ ไปด้วยแต่ทว่าหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีถัดมาเส้นทางชีวิตที่แสนธรรมดาก็เปลี่ยนไป เธอกลายเป็นอาชาศึกที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา อาชาที่ผู้คนต่างจดจำ!
.
.
.
หลังจากที่ถูกซื้อและย้ายเข้ามาอยู่ในความดูแลของกองทัพสหรัฐอเมริกาแล้ว เรคเลสก็ได้รู้จักกับสิบเอก “โจเซฟ ลัทแธม” (Joseph Latham) ผู้ดูแลและฝึกสอนอาชาแห่งกองทัพสหรัฐ โจเซฟได้มอบชื่อ "เรคเลส" ให้กับเธอ ซึ่งชื่อดังกล่าวมาจากชื่อปืนไรเฟิลที่เธอต้องเข้าไปดูแลในอนาคต
.
ตลอดระยะเวลาที่เรคเลสอยู่ที่นั่นโจเซฟได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองคอยเอาใจใส่ เป็นคู่หูที่เข้าใจ รวมถึงผู้ฝึกสอนที่แสนดีให้เธอด้วย ทุกวันเรคเลสจะได้เรียนรู้บทเรียนใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อฝึกทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในการทำหน้าที่ "ม้าบรรทุก" และภารกิจของเธอคือการบรรทุกกระสุนปืนไรเฟิลไปยัง "หน่วยปืนไรเฟิลรีคอยล์ของนาวิกโยธินที่ 5" ซึ่งตั้งอยู่ที่แนวหน้า
.
สิบเอกโจเซฟและเรคเลส
.
เรคเลสและปืนไรเฟิลเรคเลส
.
เรคเลสเป็นม้าที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นมิตรและมักจะแสดงพฤติกรรมที่ทำให้เหล่านาวิกโยธินตกหลุมรักได้เสมอ เช่น การออดอ้อนย่องเข้าไปนอนในเต็นท์กลางดึกหรือการเดินมากินอาหารร่วมกับเหล่านาวิกโยธินเป็นต้น ความน่ารักและความผูกพันที่ก่อตัวเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเธอกลายเป็นที่รักของเหล่านาวิกโยธินในค่าย
.
นอกจากนั้นแล้วเรคเลสยังมีทักษะในการปฏิบัติงานที่น่าเหลือเชื่อ เธอสามารถเรียนรู้ เสาะหาเส้นทางพิเศษ หลีกเลี่ยงจุดปะทะและตัดสินใจเลือกเพื่อส่งกระสุนปืนบนหลังให้ไปถึงมือเหล่าวิกโยธินที่อยู่แนวหน้าได้ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีคู่หูคอยติดตามไปดูแล เรคเลสสามารถปฏิบัติภารกิจของเธอได้ด้วยตัวเอง
.
.
.
ในช่วงปลายสงครามเกาหลี เรคเลสอาชาผู้หาญกล้าได้ลัดเลาะแนวป่า ฝ่าดงกระสุนเพื่อจะเดินไปให้ถึงแนวหน้าก่อนจะเดินย้อนกลับมาที่ค่ายมากถึง 51 ครั้งภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน... นอกจากภารกิจการส่งมอบกระสุนปืนแล้วเรคเลสยังต้องแบกร่างทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามกลับมารักษาที่ค่ายด้วย ถึงแม้จะอันตรายและเคยได้รับบาดเจ็บหนักถึงสองครั้งขณะปฎิบัติภารกิจแต่เธอก็ไม่เคยหวั่นเกรง สายตายังคงมุ่งมั่นแน่วแน่รับผิดชอบต่อภารกิจอย่างไม่ลดละเพื่อปกป้องเพื่อนวิกโยธินที่เธอรักเป็นสำคัญ
.
.
เรคเลสได้รับการฝึกให้เอาตัวรอดและหลบหลีกอันตรายในสมรภูมิรบเพื่อความสำเร็จของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เช่น การหมอบราบไปกับพื้นเมื่อถูกศัตรูสาดกระสุนเข้าใส่ วิ่งหลบหลีกเลี่ยงแนวลวดหนามและตอบรับสัญญาณมือ ครั้งหนึ่งเรคเลสเคยถูกระดมยิงจากศัตรู พวกเขาหวังขัดขวางภารกิจและต้องการให้เธอวิ่งหนีไป แต่ทว่าเรคเลสกล้าหาญมากไม่หวั่นเกรงต่อเสียงปืน ลูกกระสุนและเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวรอบตัว เธอรีบกระโจนวิ่งควบอย่างไม่คิดชีวิตสายตายังคงมุ่งมั่นไปที่ปลายทางเพื่อนนาวิกโยธินที่แนวหน้าราวกับอาชาเพกาซัสของเฮอร์คิวลิส ก่อนส่งมอบกระสุนทั้งหมดบนหลังให้กับพวกเขาได้สำเร็จ
.
.
ภายหลังสงครามเกาหลีสิ้นสุดลง... เรคเลสได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับนาวิกโยธินคนอื่น ๆ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเธอได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติเฉกเช่นฮีโร่คนหนึ่งที่บ้านหลังใหม่ในต่างแดน
.
ในวันที่ 10 เมษายน 2497 เรคเลสได้รับการเลื่อนยศให้เป็นสิบเอก ซึ่งนั่นนับว่าเป็นสัตว์ตัวแรกของนาวิกโยธินของกองทัพสหรัฐที่ได้รับเกียรตินี้ นอกจากนั้นแล้วเธอยังได้รับเหรียญ "เพอร์เพิลฮาร์ต" (Purple Heart) เครื่องอิสริยาภรณ์ หรือ ตราสัญลักษณ์ทางทหารของกองทัพสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติยศและการได้รับบําเหน็จความชอบโดยนามของประธานาธิบดีให้แก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิรบ
.
สิบเอกเรคเลสหลังได้รับการเลื่อนยศและประดับเหรียญ
.
หลังจากนั้นสิบเอกเรคเลสก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ค่าย California’s Camp Pendleton เพื่อพักผ่อนและใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายที่แสนสงบอยู่ที่นั่นกับผู้ดูแลของเธอ
.
ขณะอยู่ที่ค่าย California’s Camp Pendleton สิบเอกเรคเลสได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงสำคัญหลายครั้ง ในภาพเป็นงานเลี้ยงครบรอบ 175 ปีของหน่วยนาวิกโยธินของกองทัพสหรัฐอเมริกา และนั่นสิบเอกเรคเลสกำลังกินเค้ก!
.
กระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2511 สิบเอกเรคเลสก็ได้สิ้นชีพจากไปตลอดกาล ขณะอายุได้ 20 ปี ร่างของเธอถูกฝั่งไว้ร่วมกันนาวิกโยธินคนอื่น ๆ และพิธีศพของเธอก็ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติเช่นกัน
.
“โรบิน ฮัตตัน” (Robin Hutton) นักเขียนชื่อดังของสหรัฐไม่ต้องการให้เรื่องราวของสิบเอกเรคเลสเลือนหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นเธอจึงได้เขียนหนังสือชื่อ “สิบเอกเรคเลส : อาชาศึกแห่งอเมริกา” ขึ้มมา โดยเนื้อหาในหนังสือจะบอกเล่าเรื่องราวและวีรกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับสิบเอกเรคเลสเอาไว้
.
.
“เธอไม่ใช่ม้าธรรมดา แต่เธอเป็นนาวิกโยธินคนหนึ่ง”
โรบินกล่าว
.
เมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าตัวจริงของสิบเอกเรคเลสต่อสาธารณชนหลังจากการจัดสร้างเสร็จสิ้นเนื่องในวันครบรอบ 50 ปีการจากไปของเธอด้วย โดยรูปปั้นได้ถูกตั้งไว้ที่ Kentucky Horse Park
.
.
.
เกร็ดความรู้เก็บมาฝาก
.
"Kentucky Horse Park" เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เกี่ยวกับม้าของรัฐบาล ภายในประกอบไปด้วยพิพิธภัณฑ์ม้านานาชาติและแหล่งรวมม้าสายพันธุ์พื้นเมือง มีพื้นที่กว่า 3,036 ไร่ มีม้าหลากหลายสายพันธุ์อยู่ในความดูแลถึง 18,600 ตัว
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.