ชีวิตของเราในบางครั้งก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่คาดฝัน การถูกแตะที่ไหล่เบาๆ ด้วยความเข้าใจ หรือการได้ยินคำพูดเพียงไม่กี่คำจากความรักและห่วงใยของใครสักคน มันก็ช่วยปลอบประโลมสร้างกำลังแรงใจเป็นเหมือนความช่วยเหลืออีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้เราสามารถก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้จริงๆ และใช่ว่ามนุษย์อย่างเราๆ เท่านั้นที่ต้องการกำลังใจและความช่วยเหลือ แต่ทว่าเหล่าสัตว์โลกตัวน้อยใหญ่ก็ต้องการเช่นกัน...
.
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา โอพอสซัม เพศเมีย ตัวน้อยต้องเผชิญกับโชคร้ายจากสภาพอากาศที่แปรปรวนจนนำพาเธอไปพบปัญหามากมายอย่างไม่ทันตั้งตัว แน่นอนเธอไม่ยอมแพ้พยายามสู้จนแทบจะหมดแรง...
.
ช่วงกลางดึกของคืนวันหนึ่งมีพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างหนัก สายฝนที่เทลงมาเป็นม่านหนาได้บดบังเส้นทางกลับบ้านของโอพอสซัมสาว แม้ว่าเธอจะมีสายตาที่ยอดเยี่ยมอย่างสัตร์นักล่ายามราตรีแต่นั่นก็ไม่ช่วยทำให้เธอมองทะลุม่านฝนหนาค้นหาเส้นทางกลับบ้านได้ สุดท้ายพายุฝนก็ทำให้เธอต้องเดินหลงทาง...อย่างไรก็ตามเธอยังคงเดินไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดคล้ายกับว่ามีบางสิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าการที่เธอต้องเผชิญหน้ากับอันตรายท่ามกลางพายุฝนแบบนี้ เธอเดินต่อ...จนกระทั่งไปเจอที่ปลอดภัยให้หลบฝน ก่อนตัดสินใจนอนพักด้วยสภาพที่อ่อนแรง
.
แสงตะวันในยามรุ่งเช้าปลุกโอพอสซัมสาวให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ในตอนนั้นเองเธอก็พบว่ากำลังนอนอยู่ในสถานที่แปลกตาไม่ใช่กลางป่าอย่างที่เคยใช้ชีวิตอยู่มาตลอด เสียงแตรจากรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนท้องถนนจากทุกทิศทางทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าก้าวเท้าเดินไปไหน นั่นทำให้เธอเอาแต่ก้มหน้ามองลงไปบนพื้นและหลับตาปี๋คล้ายกับว่ากำลังพยายามหายตัว ปิดประสาทการรับรู้ทั้งภาพและเสียงไม่ต้องการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ซึ่งนั่นเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเหล่าโอพอสซัมเมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัยจากศัตรู พวกเขามักจะแกล้งป่วยหรือไม่ก็แกล้งตาย ทำน้ำลายฟูมปากและปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นออกมาทางต่อมบริเวณทวารเพื่อให้เป็นการตายที่แนบเนียนสร้างความสับสนให้กับศัตรู
.
อย่างไรก็ตามโอพอสซัมสาวดูอ่อนแรงและน่าสงสารมากในวันนั้น เธอนั่งขดตัวอยู่ที่บริเวณด้านหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในเมืองแกรนด์แรพิดส์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่โชคดีที่ไม่นานนักพลเมืองดีก็เดินผ่านมาพบเธอเข้าและไม่ละเลยตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยทันที พลเมืองดีติดต่อไปที่ ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าแห่งแกรนด์แรพิดส์รัฐมิชิแกน (The Wildlife Rehab Center of Grand Rapids, Michigan) แจ้งเรื่องโอพอสซัมสาวที่กำลังหลงทางและร้องขอให้เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ
.
“เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเราได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบโอพอสซัมสาวกำลังนั่งเศร้าขดตัวอยู่ที่บริเวณหน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในเมือง เราสันนิษฐานว่าเธอคงเข้ามาหลบฝนที่นั่นตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา แต่ทว่าในช่วงเช้าบรรยากาศเปลี่ยนไป บนถนนมีรถสัญจรไปมาจำนวนมาก เสียงแตรและเครื่องยนต์อาจจะทำให้เธอกลัวจนไม่กล้าก้าวเท้าเดิน”
โรเจอร์ มาร์คเคิล (Roger Markle) ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าแห่งแกรนด์แรพิดส์รัฐมิชิแกนกล่าว
.
.
“วิธีที่เหล่าโอพอสซัมใช้ในการผ่านความกลัวคือการแกล้งมองไม่เห็น เธอแค่ก้มหน้าหลับตาและแสร้งทำเป็นว่าเธอมองไม่เห็นอะไรเลยในตอนนั้น ทำราวกับว่าไม่ได้อยู่ที่นั่น”
โรเจอร์กล่าวเสริม
.
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าฯ ได้รับแจ้งเรื่อง ไม่นานนักความช่วยเหลือก็เดินทางไปถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ผู้มีประสบการณ์ในการจับโอพอสซัมโดยเฉพาะ โชคดีที่อาการหวาดกลัวและร่างกายที่อ่อนแรงทำให้การพาตัวโอพอสซัมกลับไปที่ศูนย์ฯ นั้นไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก
.
เมื่อไปถึงศูนย์ฯ โอพอสซัมสาวก็ได้รับการตรวจร่างกายจากสัตวแพทย์ ซึ่งผลตรวจก็ทำให้เจ้าหน้าที่ทีมช่วยเหลือต้องเซอร์ไพรส์ เมื่อสัตวแพทย์แจ้งว่าโอพอสซัมสาวแท้จริงแล้วเธอมีสถานะเป็น "แม่" และในกระเป๋าหน้าท้องของเธอก็มีลูกตัวน้อยนอนขดตัวอยู่ สัตวแพทย์อธิบายว่าการที่เจ้าหน้าที่พบเธออยู่ในท่าก้มหน้าเมื่อครั้งแรกที่เข้าช่วยเหลือ ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเพียงแค่อาการหวาดกลัวเท่านั้น แต่ทว่าเธอกำลังปกป้องลูกน้อยที่อยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของเธอนั้นเอง
.
ความจริงถูกเปิดเผยโดยสัตวแพทย์ และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้แม่โอพอสซัมกล้าที่จะเดินฝ่าพายุฝนไม่ยอมหยุด ปลายทางสถานที่ปลอดภัยนั้นสำคัญกับเธอมากมันคือความหวังการรอดชีวิตของลูกๆ ตามปกติแล้วลูกโอพอสซัมวัยแรกเกิดพวกเขาจะอ่อนแอมากต้องใช้เวลาอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่นานถึง 2-4 เดือน หากโชคร้ายแม่โอพอสซัมป่วยหรือตายลูกโอพอสซัมในช่วงวัยนี้แทบจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย พวกเขาต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในกระเป๋าหน้าท้องของแม่เท่านั้น
.
.
หลังจากที่แม่โอพอสซัมได้ตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดหาอาหารและน้ำให้กับแม่ลูกโอพอสซัมกินจนอิ่ม จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเขานอนหลับพักผ่อนจนสภาพร่างกายกลับมาพร้อมอีกครั้ง ก่อนที่จะไปส่งพวกเขากลับสู่ป่าหลังใหญ่ในเขตป่าที่อยู่ห่างไกลออกไปจากเมือง เพื่อไม่ให้พวกเขาเดินหลงทางเข้ามาในเมืองอีก
.
แม่โอพอสซัมต้องการความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยจากมนุษย์เพื่อให้เธอมีโอกาสครั้งที่สองได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับลูกๆ ในป่าที่เงียบสงบอีกครั้ง โชคดีที่พลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ เต็มใจพร้อมมอบความช่วยเหลือให้กับเธอ แน่นอนว่าแม่โอพอสซัมและลูกๆ คงจะรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณเมื่อวันที่ย่ำแย่ต้องเสี่ยงอันตรายในเมืองมันได้สิ้นสุดลงแล้ว และได้กลับมามีชีวิตที่เป็นสุขอีกครั้งในป่าบ้านหลังใหญ่อย่างที่ต้องการเพราะน้ำใจและเมตตาจากมนุษย์ใจดีที่เห็นคุณค่าไม่ละเลยเพื่อนสัตว์โลกตัวน้อยอย่างพวกเขา
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.