"ลอเรน ซิลลิแวนน์" (Lauren Sullivan) สาวใจดีผู้รักสัตว์ เธออาศัยอยู่ในบ้านที่เมืองชาร์ล็อต รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกากับแฟนหนุ่มพร้อมกับน้องหมาอีก 3 ตัว เมื่อไม่นานมานี้เธอได้พบกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่กำลังนั่งขดตัวอยู่ภายในห้องเก็บของหลังบ้าน สิ่งมีชีวิตนั้นมีสภาพที่ดูมอมแมมและผอมแห้ง จนทำให้ลอเรนดูไม่ออกเลยว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้านั้นคือสัตว์ประเภทไหนกันแน่ ในตอนแรกลอเรนสันนิษฐานว่าอาจจะมีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นหมาป่าไคโยตี้ ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในบริเวณนั้น และนั่นทำให้เธอรู้สึกกังวลใจเพราะหมาป่าไคโยตี้มีนิสัยดุร้ายพร้อมเข้าปะทะหากรู้สึกถูกคุกคาม ลอเรนจึงยังไม่เข้าไปสังเกตดูใกล้ๆ ในตอนนั้นด้วยเกรงว่าอาจจะถูกทำร้าย ลอเรนรีบเดินกลับออกมาจากห้องเก็บของ ก่อนจะเร่งพาน้องหมาทั้ง 3 ตัวกลับเข้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง พวกเขาอาจจะเข้าปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บ...
.
แต่ถึงแม้ว่าลอเรนจะรู้สึกกลัวสัตว์สี่ขาปริศนามากแค่ไหนแต่เธอก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ดี เพราะด้วยสภาพร่างกายที่ดูซูบผอมและแววตาเศร้าของเขาทำให้เธออดรู้สึกสงสารไม่ได้ ลอเรนจึงเอาน้ำและอาหารใส่ชามเล็กๆ มาให้เขากิน... สัตว์ปริศนายอมเปิดใจและกินสิ่งที่เธอมอบให้ เขากินมูมมามคล้ายกับอดอยากหิวโหยมานานและนี้เป็นอาหารมื้อแรกของเขายังไงอย่างงั้น... สัตว์ปริศนามีอาการกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเคลื่อนที่ย้ายไปจุดอื่นเลย เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม...
.
สัตว์ปริศนานอนอยู่ในห้องเก็บของในบ้านลอเรนแบบนั้นกระทั่งถึงช่วงเย็น และตอนนั้นเองสามีของลอเรนก็กลับมาจากที่ทำงาน เธอจึงชักชวนสามีให้เข้าไปดูสัตว์ปริศนาที่เธอสงสัยว่าอาจจะเป็นหมาป่าไคโยตี้ เมื่อสามีของลอเรนได้เห็นรูปร่างลักษณะของสัตว์ปริศนาที่ถูกกล่าวถึง เขาก็หันไปบอกกับลอเรนภรรยาของเขาทันทีว่า สัตว์ปริศนาคือน้องหมาจรจัดไม่ใช่หมาป่าไคโยตี้อย่างที่เธอเข้าใจ
.
ตอนที่น้องหมาเห็นทั้งคู่เดินเข้ามาใกล้ๆ เขาก็เริ่มส่งเสียงร้องครางหงิงๆ ราวกับกำลังร้องขอความเห็นใจและหวังให้ทั้งคู่ช่วยเหลือ แต่ทว่าครั้นที่พวกเขาพยายามจะเอื้อมมือไปลูบตัวน้องหมา เขากลับทำเสียงขู่ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครมาสัมผัสโดนตัวเขา ดูเหมือนว่าน้องหมายังไม่ไว้ใจใครในตอนนั้น อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยถูกมนุษย์ทำร้ายจนกลายเป็นประสบการณ์ที่สร้างบาดแผลให้กับเขา และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาแอบเข้ามาหลบอยู่ภายห้องเก็บของที่ลับตาผู้คน
.
เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่าสัตว์ปริศนาเป็นเพียงแค่น้องหมาจรจัดที่น่าสงสาร ลอเรนจึงตั้งใจว่าจะช่วยเขาและพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกายด้วยเกรงว่าเขาอาจจะกำลังป่วย เธอจึงบอกกับสามีให้เอาสายจูงมาเกี่ยวกับปลอกคอที่น้องหมากำลังสวมอยู่ เมื่อสังเกตดูใกล้ๆ ลอเรนก็พบว่าสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นปลอกคอนั้นกลับไม่ใช่ปลอกคออย่างที่เธอเข้าใจ แต่ทว่ากลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตกใจและยิ่งเวทนาน้องหมามากกว่าเดิม... ลอเรนเห็นผิวหนังบริเวณช่วงคอของน้องหมากำลังหลุดลอกออกมาจนเป็นรอยแผลลึกรอบคอซึ่งไม่ใช่ปลอกคออย่างที่เธอเข้าใจในตอนแรก
.
พวกเขาพยายามแสดงความอ่อนโยนกับน้องหมาอยู่นานสักพักจนน้องหมาเริ่มไว้ใจและให้ความร่วมมือในเวลาต่อมา ลอเรนบอกกับสามีให้รีบนำผ้ามาคลุมบนตัวน้องหมาเอาไว้ แล้วอุ้มน้องหมาไปใส่ไว้ในกรงเพื่อจะพาไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ได้สะดวก น้องหมาดูอ่อนแรงจึงไม่คิดสู้ ทุกอย่างจึงดูง่ายขึ้น
.
เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ได้ตรวจร่างกายน้องหมาอย่างละเอียดทันที ก่อนจะพบว่าน้องหมากำลังเผชิญกับภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงจนต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นแผลบริเวณรอบคอก็ลึกและมีอาการติดเชื้อด้วย สัตวแพทย์สันนิษฐานว่า น้องหมาอาจจะถูกเจ้านายเก่าล่ามทิ้งเอาไว้ แต่ทว่าน้องหมาขัดขืนและพยายามจะกระชากออกจากสิ่งที่ล่ามเอาไว้ จึงถูกสิ่งนั้นเสียดสีและบาดลึกจนทำให้เกิดเป็นแผลรอบคออย่างที่เห็น ภายหลังลอเรนได้ตั้งชื่อให้กับน้องหมาว่า "โทบี้"(Tobie)
.
เย็นวันนั้นเองโทบี้ก็ได้เข้ารับการผ่าตัดทันทีตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานไปมากกว่านี้อาการติดเชื้อก็จะยิ่งลุกลามรุนแรงขึ้นจนอาจจะทำให้โทบี้เสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้ หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้วโทบี้ก็ได้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์เป็นเวลานานหลายวัน ในระหว่างนั้นลอเรนและสามีก็ได้แวะเข้าไปเยี่ยมโทบี้อยู่ไม่เคยขาดเพื่อเป็นกำลังใจให้เขา ตอนนั้นเองที่โทบี้เริ่มรับรู้และสัมผัสได้ว่าสองสามีภรรยาที่เขาเพิ่งเจอเป็นคนที่สามารถรักและดูแลเขาได้จริงๆ ตลอดระยะเวลาที่ลอเลนและสามีมาเยี่ยม...โทบี้ก็จะรีบเดินเข้ามาออดอ้อนเพื่อแสดงความขอบคุณราวกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน ลอเรนและสามีก็เริ่มหลงรักโทบี้มากเข้าทุกที...และเผลอคิดว่าน้องหมาผู้น่าสงสารโทบี้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเช่นกัน
.
ความตั้งใจของลอเรนในครั้งแรกที่ได้เจอโทบี้ที่ห้องเก็บของ เธอคิดเพียงว่าจะช่วยรักษาและเยียวยาจิตใจเขาก่อนที่จะประกาศหาบ้านหลังใหม่ให้กับเขาเท่านั้น ด้วยเหตุผลว่าที่บ้านของเธอมีสมาชิกน้องหมามากถึง 3 ตัวแล้ว อีกทั้งมีความกังวลใจว่าหากรับเลี้ยงโทบี้เพิ่มอาจจะเกินขอบเขตความสามารถในการดูแลรับผิดชอบ... แต่ทว่าความคิดของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปหลังจากที่แวะมาเยี่ยมโทบี้ในทุกๆ วัน ความขี้อ้อนและความน่ารักก็ทำให้ลอเรนใจอ่อน และเลือกที่จะหันหน้าไปปรึกษากับสามีอีกครั้งสำหรับความรับผิดชอบและสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้หากจะต้องรับเลี้ยงโทบี้
.
...ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงกันได้ว่าจะรับเลี้ยงโทบี้และพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ การตัดสินใจเกิดขึ้นโดยใช้เวลาปรึกษากันไม่นานนักเพราะทั้งคู่มีความคิดเห็นที่ตรงกันและมีวิธีการจัดการไปในทำนองเดียวกัน
.
ลอเรนได้ขออนุญาตสัตวแพทย์นำตัวโทบี้กลับไปดูแลที่บ้าน เธอคิดว่าบรรยากาศที่บ้านจะช่วยให้โทบี้ฟื้นฟูตัวเองได้เร็วยิ่งขึ้น และเธอก็คิดไม่ผิดเพราะทันทีที่อยู่บนรถโทบี้ก็ดูมีความสุข แสดงอาการดีใจกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา ผิดกับตอนอยู่ในโรงพยาบาลสัตว์ที่ดูซึมเศร้าและเหงาหงอยเหลือเกิน...
.
น่ายินดีที่สมาชิกสี่ขาของลอเรนให้การต้อนรับโทบี้เป็นอย่างดี ทุกๆ ตัวยินดีที่จะมีสมาชิกใหม่ในบ้าน พวกเขาเริ่มเล่นกันด้วยความระมัดระวังคล้ายกับรู้ว่าสมาชิกใหม่เพิ่งผ่านการผ่าตัดและอยู่ในระยะพักฟื้น
.
ตลอดระยะเวลา 9 เดือนในบ้านหลังใหม่ โทบี้เปลี่ยนแปลงไปมากจากน้องหมาขี้กลัว หวาดระแวงกลายเป็นน้องหมาร่าเริง ดูมีความสุขและไว้ใจคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น ที่บ้านหลังนี้จะมีมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งเมื่อสมาชิกสี่ขาได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้าน พวกเขาเป็นแก๊งใหญ่ที่ไม่เกเรแต่อาจจะร่าเริงมากเกินไปหน่อยในบางครั้งเท่านั้น
.
.
.
ลอเรนบอกว่าโทบี้เป็นน้องหมาที่น่ารักมากๆ เขายอมเปิดใจและมอบทั้งหัวใจของเขาให้กับเธอและสามีแล้ว ในอดีตถึงแม้ว่าเขาจะเคยมีชีวิตที่น่าสงสาร แต่ทว่าทุกวันนี้โทบี้ได้กลับมายิ้มได้ ส่ายหางดุ๊กดิ๊กมีความสุข เป็นน้องหมาที่ร่าเริงได้แล้ว ดูเหมือว่าโทบี้ได้เลือกบ้านหลังใหม่ด้วยตัวของเขาเองการอ้อนวอนประสบความสำเร็จ ครอบครัวใหม่ยอมรับและพร้อมที่จะดูแลเขาได้ตลอดไป ดีใจด้วยนะโทบี้ ^^
.
.
หากเพื่อนๆ ชาวด็อกคลิป มีประสบการณ์พบเจอเรื่องราวน่ารักๆ เกี่ยวกับน้องหมาที่ทำให้เราอมยิ้มตาม หรือซาบซึ้งใจ อย่าลืมแวะมาเล่าและแบ่งปันให้เพื่อนๆ ชาวด็อกคลิปให้ฟังกันบ้างนะครับ ผ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้หรือในกลุ่มด็อกคลิปวิลเลจ (Dog's Clip Village) ก็ได้นะครับ มาเป็นชาวด็อกคลิปวิลเลจ มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ
.
ขอบคุณข้อมูลจาก The Dodo, Lauren and Sean Sullivan
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.