ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีก่อนครอบครัวของ “แคเธอรีน มอร์ริส” (Catherine Morris) ได้รับอุปการะ “สไปค์” (Spike) น้องหมาสายพันธุ์อิงลิช สปริงเกอร์ สเปเนียล อายุ 5 ปี เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และได้วางแผนว่าจะมอบพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของบ้านให้กับเขา แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามอย่างที่หวัง เพราะตั้งแต่วันแรกที่สไปค์ย้ายเข้ามาในบ้านหลังใหม่ที่เมืองยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ เขาก็แสดงอาการดีใจวิ่งไปวิ่งมาไม่ยอมหยุด ก่อนจะตรงดิ่งวิ่งควบขึ้นบันไดไปชั้นสอง โชว์ความแสนรู้เปิดประตูห้องนอนของคุณพ่อ จากนั้นก็ไม่รีรอกระโดดขึ้นไปนอนกลิ้งบนเตียงนุ่มๆ ด้วยอาการดี๊ด้า ก่อนจะหันมามองหน้าทุกคนในบ้านด้วยแววตาเป็นประกายแกมออดอ้อนราวกับกำลังจะบอกว่า "ตรงนี้เขาชอบมาก จองแล้วนะ" จากนั้นเขาก็กระโจนลงจากเตียงแล้ววิ่งร่าไปทั่วบ้าน สำรวจตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนทั่วด้วยอาการตื่นเต้นและขี้เห่อสุดๆ
.
“คืนแรกที่รับสไปค์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน เราตั้งใจจะให้เขานอนที่ชั้นล่าง แน่นอนว่าเราวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว ดังนั้นที่ชั้นล่างจึงมีรั้วเล็กๆ สำหรับกั้นไว้ที่บริเวณหัวบันไดเพื่อกำหนดขอบเขตไม่ให้เขาขึ้นไปวิ่งซนบนชั้นสอง”
.
“วันนั้นฉันส่งสไปค์เข้านอนแล้วก็ปิดรั้วตรงหัวบันได ก่อนที่จะเดินขึ้นไปนอนบนชั้นสอง แต่ดูเหมือนว่าสไปค์ไม่อยากนอนชั้นล่างตามลำพัง เขาเลยพยายามสื่อสารกับเราด้วยการหอนออกมา ประมาณสองถึงสามครั้ง จากนั้นเขาก็กระโดดข้ามรั้วเล็กๆ เดินขึ้นไปบนชั้นสองและทำแสนรู้เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนคุณพ่อคุณแม่ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปขอนอนบนเตียงกับท่าน หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาที่นั่นก็กลายเป็นที่นอนของเขาอย่างถาวร”
แคเธอรีนกล่าว
.
ช่วงตอนกลางวันสไปค์จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาชอบออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านนานหลายชั่วโมงและเกมที่เขาชอบมากที่สุดก็คือการวิ่งไล่เก็บลูกเทนนิส เพราะนั่นช่วยทำให้เขาได้ปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ แต่หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าสไปค์ก็จะกลายเป็นลูกหมาช่างอ้อน ชอบเนียนแสร้งทำงัวเงียเดินขึ้นไปขอนอนบนเตียงกับคุณพ่อคุณแม่ที่ชั้นสองประจำ
.
“สไปค์ชอบที่จะคลอเคลียกับพวกเราและพยายามจะมุดเข้ามานอนใต้ผ้าห่มเพื่อให้ได้เข้าใกล้เรามากที่สุด”
แคเธอรีนกล่าว
.
.
ปัจจุบันสไปค์อายุ 14 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยบั้นปลายชีวิตสำหรับน้องหมา เขาเริ่มเชื่องช้า พลังมากล้นที่เคยมีก็หายไปจึงไม่สามารถทำกิจกรรมสนุกๆ ที่ต้องออกแรงเยอะๆ ได้เหมือนก่อนแล้ว
.
แคเธอรีนและคุณพ่อคุณแม่ของเธอค่อนข้างรู้สึกกังวลใจมากหลังจากที่สไปค์เริ่มอ่อนแอลงมากและสัตวแพทย์ได้ตรวจพบว่าเขากำลังป่วยด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง... ทุกคนทราบดีว่าอาการของโรคทำให้สไปค์เจ็บและทุกข์ทรมาน แต่ที่ผ่านมาเขาเลือกที่จะอดทนสู้ไม่ยอมแพ้ต่อโรคร้าย! สไปค์ยังคงต้องการจะได้อยู่เคียงข้างครอบครัว ดังนั้นทุกๆ คืนเขาจึงยังพยายามตะเกียกตะกายที่จะเดินขึ้นบันไดและแสดงอาการดีใจทุกครั้งที่เห็นแสงพระอาทิตย์ในยามเช้าเพราะนั่นหมายถึงช่วงเวลาที่เขาจะได้ออกไปวิ่งเล่นกับแคเธอรีน แน่นอนว่าครอบครัวของเขาก็ต้องการให้สิ่งที่สไปค์ปรารถนาเกิดขึ้นจริง แต่ทว่านับวันความจริงของธรรมชาติก็ยิ่งตอกย้ำทำให้พวกเขาต้องรู้สึกกังวลใจหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของสไปค์เสื่อมลงทุกวัน ซึ่งนั่นหมายถึงวาระสุดท้ายของสไปค์ที่กำลังเดินทางใกล้เข้ามาทุกที
.
หลังจากที่สไปค์ล้มป่วยเป็นครั้งที่สองเขาก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แคเธอรีนและคุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยผลัดเวรช่วยกันอุ้มสไปค์ออกไปเดินเล่นรอบๆ บ้าน เพื่อจะทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อและได้สูดอากาศนอกบ้านบ้าง อย่างไรก็ตามสไปค์ก็ยังคงไม่ยอมแพ้... พยายามที่จะลุกขึ้นยืนด้วยขาทั้งสี่อีกครั้งเรื่อยมา... จนกระทั่งเขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ทว่าก็ต้องยอมรับความจริงเมื่อร่างกายที่เสื่อมลงย่อมไม่เหมือนเดิม สไปค์ไม่แข็งแรงอีกแล้วและนั่นก็ทำให้ความหวังที่จะเดินขึ้นชั้นสองเป็นศูนย์! สไปค์ต้องยอมรับชะตากรรมนอนลำพังที่ชั้นล่าง แน่นอนเขารู้สึกไม่ชอบและทุกคืนก็จะพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองไปที่หัวบันได แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองและทอดสายตาขึ้นไปบนชั้นสองเท่านั้น
.
แน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นทำให้สมาชิกในครอบครัวต่างรู้สึกสะเทือนใจมาก ดังนั้นทุกคนจึงพยายามทำบางสิ่งให้กับสไปค์สี่ขาสุดรักด้วยรักและห่วงใย... ทุกคนตกลงกันว่าจะผลัดเวรกันลงมานอนกับสไปค์ที่โซฟาชั้นล่างทุกคืน หวังว่านี่จะช่วยทำให้หัวใจของสไปค์ได้รับรู้ว่า ถึงแม้วันนี้เขาจะกลายเป็นน้องหมาแก่และป่วย แต่ทุกคนยังคงรักเขาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน อ้อมกอดอุ่นๆ จะช่วยปลอบโยนกล่อมเขาให้รู้สึกอุ่นใจจนนอนหลับฝันดีได้ในทุกคืนที่ชั้นล่าง ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในวันที่ต้องการกำลังใจมากที่สุด
.
“ตารางการนอนนี้เริ่มต้นขึ้นตอนที่ฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัย ทุกๆ คืนคุณพ่อคุณแม่ของฉันจะสลับกันลงมานอนที่ชั้นล่างกับสไปค์ และเมื่อฉันกลับบ้านในช่วงวันหยุดฉันก็จะผลัดเวรคุณพ่อคุณแม่ลงมานอนกับสไปค์ด้วยเช่นกัน ฉันอยากให้ท่านทั้งสองได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นด้วย”
แคเธอรีนกล่าว
.
.
คุณพ่อรักและเป็นห่วงสไปค์ลูกชายสี่ขามาก ถึงแม้ว่าวันนั้นจะไม่ใช่เวรของเขาที่ต้องลงมานอนกับสไปค์ แต่เขาก็มักจะย่องเงียบเดินลงมาแวะดูสไปค์ในช่วงกลางดึกเสมอเพียงเพื่อต้องการให้แน่ใจว่าลูกชายสี่ขากำลังนอนหลับสบายดี
.
“พวกเขาสนิทกันมากตัวแทบจะติดกันเลยล่ะ คุณพ่อของฉันเรียกสไปค์ว่า ‘ถั่วแก่’ และพวกเขาก็พูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา”
แคเธอรีนกล่าว
.
.
“คุณพ่อของฉันมักจะยกน้ำและชามอาหารมาป้อนให้สไปค์กินถึงโซฟาเสมอ คุณพ่อป้อนอาหารด้วยมือด้วยต้องการให้แน่ใจว่าสไปค์ได้กินอาหารเข้าไปแล้วจริงๆ ”
แคเธอรีนกล่าวเสริม
.
เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของแคเธอรีนดูแลสไปค์ได้ดีและเป็นครอบครัวที่น่ารักมากจริงๆ พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อดูแลน้องหมาสุดรักที่เป็นเสมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ไม่ทอดทิ้งแม้ในวันที่เขาต้องเผชิญโรคร้าย ช่วยเหลือประคับคองคอยเติมเต็มความสุขให้กันและกันเรื่อยมา วันนี้พวกเขาได้ใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่าและน่าจดจำที่สุด แน่นอนว่าสไปค์รักและปรารถนาที่จะได้อยู่กับครอบครัวให้นานที่สุด ซึ่งด็อกคลิปก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม พวกเขาเป็นครอบครัวที่วิเศษมาก หากวันที่ต้องบอกลามาถึง พวกเขาคงจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่เคยมี เพราะพวกเขาได้ทำหน้าที่ของครอบครัวได้อย่างดีที่สุดแล้ว
.
“เรารักน้องหมาของเรามากและดีใจที่มีเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา”
แคเธอรีนกล่าว
.
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.