ในเช้าของวันหนึ่งเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่ “ลากิช่า สมิธ” (Lakisha Smith) กำลังเร่งรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปทำงานของเธออย่างเช่นทุกๆ วัน แต่ทว่าก็ขับไปได้ไม่ไกลนักก็ต้องเลี้ยวรถย้อนกลับมาที่บ้านอีกครั้งหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบของสำคัญติดตัวมาด้วย
.
ทันทีที่ลากิช่าขับรถมาจอดที่บริเวณหน้าบ้าน เธอก็ได้โทรบอกให้ลูกสาวสุดรักที่อยู่ภายในบ้านช่วยหยิบของสำคัญที่ลืมเอาไว้มาให้ที่รถ ซึ่งในระหว่างที่กำลังรอรับของสำคัญจากลูกสาวอยู่ก็ได้สังเกตเห็นน้องหมาพิตบูลแปลกหน้าตัวหนึ่งกำลังนอนกลิ้งตัวไปมาอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าในเขตรั้วบ้านของเธอ
.
ขณะที่ลูกสาวลิกาช่าเดินออกมาจากบ้าน ลิกาซ่าก็ได้ถามถึงน้องหมาแปลกหน้าตัวนั้นแต่ทว่าลูกสาวของเธอกลับไม่รู้ว่าน้องหมามาจากไหน ด้วยสงสัยสองแม่ลูกจึงเดินเข้าไปดูน้องหมาแปลกหน้าใกล้ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้หัวใจของพวกเธอฝ่อลง... น้องหมาพิตบูลแปลกหน้าน่าสงสารมาก ร่างกายของเขาผอมโซ ตามลำตัวมีบาดแผลที่เกิดจากโรคผิวหนังซึ่งนั่นทำให้ขนบนตัวของเขาหลุดร่วงเป็นหย่อมๆ จากสภาพเห็นได้ชัดว่าน้องหมาแปลกหน้ามีชีวิตที่ยากลำบากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างที่ควรจะเป็น
.
น้องหมามีท่าทีไม่มั่นใจกับเจ้าของสนามหญ้าที่เขากำลังนอนกลิ้งอยู่ แต่ทว่าก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหรือดุร้ายแต่อย่างใด ในทางกลับกันน้องหมาดูเป็นมิตร สงวนท่าทีก้อหัวทำหูลู่ลงแสดงการถ่อมตัวต่อเจ้าของสนามหญ้า ไม่นานหลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงที่เป็นมิตรจากสองแม่ลูกแปลกหน้า น้องหมาจึงเริ่มกล้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวของลากิช่าก่อนที่จะจ้องตากัน... แววตาของน้องหมาดูเศร้าสร้อยแต่ทว่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง คล้ายกำลังพยายามสื่อสารเพื่อร้องขอความเห็นใจและการช่วยเหลือจากสองแม่ลูกที่ดูใจดีสามารถเปิดใจยอมรับเขาได้
.
พฤติกรรมของน้องหมาแปลกหน้าทำให้ลูกสาวของลากิช่ารู้สึกไว้ใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ น้องหมาด้วยความระมัดระวัง น้องหมามีปฎิกิริยาตอบกลับอย่างเป็นมิตร เขาไม่ได้วิ่งหนีหรือสั่นกลัวแต่อย่างใด มีเพียงแค่อาการประหม่าเล็กน้อยเท่านั้น น้องหมาปล่อยให้ลูกสาวของลากิช่าสัมผัสตัวด้วยความเต็มใจ ในเวลานั้นเองที่มิตรภาพได้เริ่มก่อตัวขึ้น น้องหมาพิตบูลแปลกหน้าไม่มีท่าทีดุร้ายเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถ่อมตัวต่อความสัมพันธ์ครั้งใหม่ สองแม่ลูกอมยิ้มและสัมผัสได้ถึงความน่ารัก ความอ่อนโยนของน้องหมาแปลกหน้า นั่นจึงทำให้ไม่สามารถละทิ้งหรือขับไล่ปล่อยให้น้องหมาแสนดีเดินเร่ร่อนเผชิญชะตากรรมลำบากได้อีกต่อไป สองแม่ลูกหันหน้าพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนตกลงกันว่าจะช่วยเหลือน้องหมาแปลกหน้าโดยการรับอุปถัมภ์เขาเอาไว้ก่อน พร้อมกับมอบชื่อ “ป๊อบปี้” (Poppy) ให้เขาสำหรับการเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง...
.
“ฉันบอกให้เธอรับเลี้ยงน้องหมาตัวนั้นเอาไว้ เพราะเขาดูน่าสงสาร สภาพร่างกายของเขาในตอนนั้นย่ำแย่ เขาดูหิวโหยและกระหายน้ำมากๆ ลูกสาวของฉันได้เดินเข้าไปในครัวจัดแจงแบ่งอาหารและน้ำมาให้เขากิน ก่อนที่จะอาบน้ำให้ ผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยแผลเล็กๆ ทั่วร่างกาย นอกจากนั้นบนตัวก็เต็มไปด้วยเห็บและหมัดอีกเป็นจำนวนมาก”
ลากิช่ากล่าว
.
ในคืนวันนั้นครอบครัวสมิธได้สร้างเบาะนอนนุ่นๆ ให้กับป๊อปปี้และหวังว่ามันจะช่วยทำให้เขาได้นอนหลับสบายที่สุด นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนหรือหลายปีสำหรับป๊อปปี้ที่ได้มีโอกาสนอนพักผ่อนบนเบาะที่ทั้งนุ่ม และอุ่นใต้ชายคาบ้านที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยอุ่นใจจนสามารถนอนหลับสนิทได้เต็มตาตลอดทั้งคืน
.
เช้าวันรุ่งขึ้นลากิช่าก็เริ่มต้นภารกิจการช่วยเหลือป๊อปปี้อย่างจริงจัง โดยประกาศตามหาผู้ปกครองให้กับป๊อปปี้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หากทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การหลงทางของน้องหมาจอมซนเท่านั้น... ลากิช่าหวังว่าพลังจากผู้คนบนโลกออนไลน์จะช่วยกระจายข่าวได้เร็วและกว้างกว่าการเดินติดประกาศ
.
ซึ่งในระหว่างนั้น... ลากิช่าก็ได้พาป๊อปปี้ไปพบสัตวแพทย์ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ท้องถิ่นด้วยเพื่อให้พวกเขาช่วยสแกนหาไมโครชิปบนตัวป๊อปปี้ แต่ทว่าน่าเศร้าเมื่อสัตวแพทย์ไม่พบไมโครชิปบนตัวของเขา นั่นจึงยิ่งทำให้ลากิช่าพลเมืองดีไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวป๊อปปี้น้องหมาแปลกหน้าที่น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย... ภารกิจการช่วยเหลือจึงกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาก
.
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป... ลากิช่าก็ยังคงไม่ได้รับการติดต่อกลับจากใครเลย เพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้ปกครองของป๊อปปี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ป๊อปปี้กลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าและถูกทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แต่อย่างไรก็ตามชีวิตที่แสนเศร้าของป๊อปปี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลงเมื่อครอบครัวสมิธพร้อมอ้าแขนต้อนรับสู่การเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวที่อบอุ่นและพร้อมที่จะดูแลด้วยหัวใจตลอดชั่วอายุขัยของเขา พวกเขายินดีและดีใจมาก
.
ครอบครัวสมิธตกหลุมรักป๊อปปี้มาตั้งแต่วันแรกที่ได้ทำความรู้จักกับเขา ทั้งหมดนั้นเพราะความน่ารักและแสนดี ตลอดระยะเวลาที่ครอบครัวสมิธได้ดูแลใกล้ชิด พวกเขาก็ได้รับรู้ว่าป๊อปปี้เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดหายไปและเฝ้ารอให้มาเติมเต็มตลอด ป๊อปปี้สร้างรอยยิ้มและความสุขให้ทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะกับลูกสาวของลากิช่าที่ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของกันและกันไปแล้ว
.
เวลาทำให้เกิดความผูกพันและยิ่งนานวันเข้าครอบครัวสมิธก็รับรู้ว่า ไม่สามารถปล่อยให้ป๊อปปี้จากเดินจากไปได้... ดังนั้นครอบครัวสมิธจึงตัดสินใจรับอุปการะป๊อปปี้
.
แต่ในขณะที่ทุกอย่างกำลังลงตัว... วันหนึ่งลากิช่าก็ได้รับการติดต่อจากชายนิรนาม เขาแสดงตัวว่าเป็นผู้ปกครองของป๊อปปี้และประสงค์จะขอรับป๊อปปี้กลับไปดูแล! แน่นอนว่านั่นทำให้ครอบครัวสมิธรู้สึกใจหายวู้บ! เมื่อจะต้องทำใจยอมรับความจริงฟืนส่งป๊อปปี้คืนสู่อ้อมกอดผู้ปกครองที่เขาเคยจากมา...
.
ในเวลาต่อมาชายนิรนามได้เดินทางมารับป๊อปปี้ถึงที่บ้านของลากิช่า แต่ทว่าเมื่อป๊อปปี้ได้เจอหน้ากับผู้ปกครองคนเก่าอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน เขากลับไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจเลยแม้แต่น้อย ป๊อปปี้นิ่งเฉยทำเย็นชาจนดูน่าประหลาดใจ... ปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นลากิช่าพอจะเดาได้ว่าชีวิตที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขาและผู้ปกครองคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก นั่นคงจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ขาดความเข้าใจและการเอาใจใส่... แต่ในทางกลับกันป๊อปปี้แสดงอาการอาลัยอาวรณ์ ผูกพันกับครอบครัวสมิธมากกว่า ป๊อปปี้ทำงองแงเพื่อบอกเป็นนัยว่าไม่อยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมอีกแล้ว เขาต้องการจะอยู่เป็นส่วนหนึ่งในบ้านที่อบอุ่นกับครอบครัวสมิธ เมื่อผู้ปกครองคนเก่าเห็นดังนั้นใจอ่อนก่อนที่จะตัดสินใจมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูป๊อปปี้ให้กับครอบครัวสมิธในท้ายที่สุด
.
“ชายคนนั้นเขาเดินจากไปพร้อมกับพูดว่า ตอนนี้นายมีบ้านที่ดีแล้วนะ ”
ลากิช่ากล่าว
.
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา... ป๊อปปี้ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวสมิธอย่างเป็นทางการจริงๆ เสียที แน่นอนป๊อปปี้มีความสุขกับสิ่งที่เขาได้เลือกเอง วันนี้ป๊อปปี้ได้รับความรักและการดูแลอย่างดีจากครอบครัวสมิธ เขาเป็นที่รักและคนพิเศษ น้ำหนักตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมากจนอ้วนล่ำบึก! สุขภาพก็แข็งแรงดี น่ากอดกว่าเดิมเยอะเลย แผลและโรคผิวหนังที่เคยเป็นก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหายเป็นปกติ ขนที่เคยหยาบกร่านก็นุ่มขึ้นแถมยังตัวหอมน่าจุ๊ฟขึ้นเป็นกองเลยล่ะ... แววตาก็สดใสมีชีวิตชีวามาก..
.
“เรารักป๊อปปี้ของเรามาก และพวกเรารู้ว่าป๊อปปี้ก็รักพวกเราด้วยเช่นกัน โชคชะตากำหนดให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราจริงๆ”
ลากิช่ากล่าว
.
.
ดีใจด้วยนะครับป๊อปปี้ ^^
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.