“แซลลี่ แอน จาร์เร็ต” (Sallie Ann Jarrett) น้องหมาสายพันธุ์อเมริกันสแตฟเฟอร์ดไชร์ บูล เทอร์เรียร์ ได้ใช้ทั้งชีวิตของเธอเพื่อพิสูจน์ให้โลกได้รู้ว่าน้องหมาสี่ขาอย่างเธอมีความซื่อสัตย์และรักที่ยิ่งใหญ่มอบให้กับเพื่อนมนุษย์ได้ทั้งหัวใจจริง ๆ ถึงแม้ในท้ายที่สุดแล้ววีรกรรมของเธอจะไม่ถูกจารึกก็ตาม...
.
.
เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วง ( ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ) ปี พ.ศ. 2405 ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลกลางกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่แซลลี่ลูกหมาตัวน้อยได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ กรมทหารราบที่ 11 รัฐเพนซิลเวเนีย (11th Pennsylvania Infantry) จากความพยายามวิ่งไล่ตามเหล่าทหารระหว่างออกลาดตระเวนอย่างไม่มีท่าทีว่าจะลด จนนายทหารคนหนึ่งใจอ่อนยอมรับเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกรมทหาร หลังจากนั้นแซลลี่ก็ได้รับความรักมากมายจากเหล่านายทหารในกรมกระทั่งในเวลาต่อมาความโด่งดังก็ทำให้เธอกลายมาเป็นมาสคอตประจำกรมทหารราบที่ 11
.
ภาพวาดเหตุสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา
.
แซลลี่เป็นน้องหมาที่เฉลียวฉลาด เธอเรียนรู้ที่จะปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอดได้อย่างน่าทึ่งโดยที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝน แซลลี่จะเห่าเตือนเหล่านายทหารเมื่อสัมผัสได้ถึงการปะทะที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากนั้นเธอก็มักจะเดินเข้าไปปลอบโยนเหล่านายทหารที่กำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าเพื่อช่วยเหลือทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นพร้อมก้าวผ่านวันที่ยากลำบากไปได้อีกครั้งเสมอ
.
ภาพถ่ายเพียงภาพเดียวของแซลลี่ที่ถูกค้นพบ
.
“แซลลี่จะติดตามเหล่านายทหารไปทุกที่ พวกเขาพูดกันว่าแซลลี่มักจะส่งเสียงเห่าร้องก็ต่อเมื่อได้เห็นสามสิ่งนี้ ซึ่งได้แก่ ผู้หญิง กลุ่มแบ่งแยกดินแดนและคนจากพรรคเดโมแครตเท่านั้น ในยุคนั้นประธานาธิบดีลินคอล์นมาจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับพรรคเดโมแครต แน่นอนแซลลี่ภักดีต่อประธานาธิบดีลินคอล์น พรรคเดโมแครตจึงถูกเธอมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม”
คริสโตเฟอร์ กวินน์ (Christopher Gwinn) หัวหน้าฝ่ายการตีความและการศึกษาที่อุทยานทหารแห่งชาติเกตตีสเบิร์ก
.
แซลลี่ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจให้กับกรมทหารราบที่ 11 เธอเดินตามเหล่านายทหารไปยังสนามรบและเข้าประจำตำแหน่งในแนวหน้า พร้อมกระโจนเห่าร้องสุดเสียงด้วยความกล้าหาญและไม่เคยหวั่นเกรงต่ออริศัตรู
.
ภาพวาดขณะแซลลี่สู้เคียงข้างกองทหารของเธอ
.
ในวันแรกของการรบที่เมืองเกตตีสเบิร์ก แซลลี่ได้เข้าร่วมรบกับกรมทหารราบที่ 11 รัฐเพนซิลเวเนียเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่สถานการณ์ในวันนั้นกลับเลวร้ายกว่าที่คิดเอาไว้มาก เมื่อกองทหารถูกถล่มอย่างหนักเกินต้านจนต้องยอมถอนกำลังทิ้งฐานที่มั่นก่อนจะเร่งถอยร่นกลับ ในตอนนั้นเองที่แซลลี่ได้หายตัวไปและเหล่านายทหารต่างเข้าใจว่าได้เสียเธอไปในสนามรบแล้ว...
.
จนกระทั่ง 3 วันให้หลัง กองทหารสามารถยึดฐานที่มั่นในเกตตีสเบิร์กคืนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนได้สำเร็จ ก่อนจะระดมกำลังเก็บกวาดและเคลื่อนย้ายร่างเหล่านายทหารผู้พลีชีพไปฝังอย่างสมเกียรติ ซึ่งในตอนนั้นเองที่พวกเขาก็ได้พบกับแซลลี่ที่กำลังนอนเศร้าเฝ้าร่างที่ไร้วิญญาณของเหล่านายทหารหลายคนที่เธอคุ้นเคย เหล่านายทหารผู้รอดชีวิตต่างรู้สึกสะเทือนใจกับภาพที่ได้เห็นและสัมผัสได้ถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมด้วยรักและภักดีของเพื่อนแท้อย่างแซลลี่ เธอไม่หวั่นกลัวต่อกระสุนปืนหรืออันตรายจากแรงระเบิดและยังคงนอนเคียงข้างเหล่านายทหารที่เธอรักไม่จากไปไหนตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บกระทั่งลมหายใจสุดท้ายได้พรากพวกเขาไปจากเธอ
.
แซลลี่นอนเคียงข้างเพื่อเฝ้าร่างเหล่านายทหารที่เธอรักอยู่ที่เดิมนานถึง 3 วันโดยไม่ยอมจากไปไหน...
.
“เธอไม่หนีไปไหนเลย เธอยังคงอยู่เคียงข้างพวกเขาตลอดเวลา เหล่านายทหารที่เคยเข้าร่วมรบในเกตตีสเบิร์กที่รอดชีวิตมาได้ก็จำได้ดีว่า เธอไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปไหน เธออยู่ที่นั่นจนกระทั่งพวกเขาย้อนกลับมาพบอีกครั้ง”
คริสโตเฟอร์กล่าว
.
แซลลี่อ่อนล้าและได้รับบาดเจ็บแต่กลับไม่ยอมละทิ้งเพื่อนรัก หลังจากนั้นแซลลี่ยังคงเข้าร่วมรบกับกองทหารทุกครั้งอย่างกล้าหาญ จนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2408 เธอก็ถูกสังหารในยุทธการ "Hatcher's Run" (Battle of Hatcher's Run) เหล่านายทหารที่รักและผูกพันกับเธอได้ช่วยกันฝังร่างที่ไร้วิญญาณของเธออย่างสมเกียรติด้วย
.
ต่อมาในปี พ.ศ. 2433 หรือประมาณ 25 ปีหลังสงครามกลางเมืองสงบลง ด้านเจ้าหน้าที่อุทยานทหารแห่งชาติเกตตีสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องการให้ผู้คนได้รำลึกถึงวีรกรรมของเหล่าทหารกล้าผู้ยอมสละชีพในสถานที่แห่งนี้จึงมีความคิดที่จะสร้างอนุสาวรีย์ขึ้น
.
เมื่อเหล่าทหารผ่านศึกผู้เคยร่วมรบทราบข่าวที่น่ายินดีนี้ พวกเขาต่างก็กล่าวถึงแซลลี่สี่ขาผู้กล้าหาญในสนามรบและผลักดันให้เจ้าหน้าที่ได้สร้างรูปเหมือนของแซลลี่เอาไว้ที่ฐานของอนุสาวรีย์เพื่อจารึกชื่อของเธอด้วย ซึ่งทางอุทยานฯ เห็นชอบและอนุญาตให้สร้างรูปปั้นของแซลลี่ในเวลาต่อมา แต่ทว่าพวกเขากลับไม่อนุญาตให้สลักชื่อของเธอเอาไว้บนฐานรูปปั้นเพื่อให้ผู้คนจดจำ...
.
ทหารผ่านศึกกลับมารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์และรูปปั้นของแซลลี่หลังสร้างเสร็จ
.
“แซลลี่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเหล่าทหารผ่านศึก ผมคิดว่าการเสียสละของเธอในหลาย ๆ ด้านเป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของกองทหาร เธอได้อุทิศตนเพื่อเพื่อนมนุษย์ที่เธอรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าทหารผ่านศึกต้องการจดจำเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ”
คริสโตเฟอร์กล่าว
.
รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของแซลลี่นอนหมอบอยู่บนก้อนหินอย่างสงบ ดวงตาของเธอมองทอดออกไปยังสนามรบที่เธอเคยต่อสู้เมื่อ 150 ปีที่แล้ว เธอยังคงจ้องมองและเคียงข้างเหล่านายทหารที่เธอรักเหมือนอย่างที่เคยทำ
.
.
ในทุก ๆ วันรูปปั้นของแซลลี่จะเต็มไปด้วยขนม ของเล่น กิ่งไม้และเหรียญซึ่งเป็นของขวัญตอบแทนสำหรับความจงรักภักดีของเธอที่มอบให้กับเพื่อนมนุษย์ที่เธอรักเสมอมา
.
.
“ผมคิดว่านั่นเป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับการให้เกียรติน้องหมาอย่างแซลลี่นะ เรื่องราวของแซลลี่เราจะไม่ได้ยินว่าเธอขย้ำทหารฝ่ายตรงข้ามอย่างไร เธอไม่มีประวัติการใช้ความรุนแรง เธอมีชื่อเสียงในการเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของเหล่านายทหารแม้จะอยู่ท่ามกลางโศกนาฏกรรมและความตายก็ตาม แน่นอนเธอก็ไม่เคยละทิ้งคนที่ห่วงใยเธอและคนที่เธอห่วงใยด้วยเช่นกัน”
คริสโตเฟอร์กล่าว
.
.
.
หลังจากนี้เรื่องราวของแซลลี่จะถูกเล่าต่อให้ผู้คนได้รับรู้ หวังว่าสักวันหนึ่งชื่อของเธอจะถูกจารึกไว้บนฐานรูปปั้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ความรักและความซื่อสัตย์ของเธอไปตลอดกาล…
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.