เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา “มาร์ค” (Mark) คนขับรถคนบรรทุกของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศนามิเบีย ได้พบเข้ากับสัตว์หน้าตาแปลก “อาร์ดวาร์ก” (aardvark) หรือ “หมูดิน” กำลังนั่งขดตัวอยู่บริเวณล้อหน้ารถบรรทุกของเขา ขณะที่จอดพักรถริมทางห่างไกลชุมชน โชคดีที่เขารอบคอบเดินตรวจรอบๆ รถบรรทุกก่อนจึงทำให้หมูดินตัวน้อยรอดชีวิตในวันนั้น มาร์คสังเกตเห็นหมูดินยังมีขนาดตัวที่เล็กมากเกินกว่าที่จะออกมาเดินเตร็ดเตร่เพียงลำพัง เขาจึงสันนิษฐานว่าหมูดินตัวน้อยอาจจะเพิ่งพลัดหลงกับแม่ก่อนหน้านี้สักพักแน่ๆ
.
มาร์คอุ้มลูกหมูดินตัวน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเดินไปรอบๆ เพื่อตามหาแม่หมูดิน เขาใช้ความพยายามอยู่นานเกือบชั่วโมง แต่น่าเศร้าที่มาร์คไม่พบวี่แววของสัตว์อื่นใดเลยในบริเวณนั้น มาร์คไม่สามารถตัดใจปล่อยให้ลูกหมูดินไปเผชิญกับชะตากรรมเพียงลำพังได้ เขาจึงตัดสินใจพาลูกหมูดินกลับไปที่บริษัทด้วย...

.
เมื่อเดินทางมาถึงบริษัทมาร์ครีบจอดรถบรรทุกของเขา ก่อนจะขับรถยนต์ส่วนตัวพาลูกหมูดินตัวน้อยไปพบกับ "ดร.เอริก้า เดอร์ เยเกอร์" (Dr. Erika de Jager) สัตวแพทย์และ ผู้ก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์ป่าขนาดเล็ก "ZURI Orphanage" ในเมือง Okankolo

.

.
เมื่อเดินทางมาถึง ดร.เอริก้า จึงรีบตรวจร่างกายให้กับหมูดินตัวน้อยทันทีและพบว่าเขามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือกำลังเจ็บป่วยแต่อย่างใด เพียงแค่มีอาการอ่อนเพลียจากแสงแดดและขาดน้ำเท่านั้น ดร.เอริก้า สันนิษฐานว่า หมูดินตัวน้อยน่าจะพลัดหลงกับแม่ของเขาเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่จะไปพบกับมาร์คและได้รับความช่วยเหลือจากเขา
.
ดร.เอริก้าประเมินว่าหมูดินตัวน้อยน่าจะมีอายุได้ประมาณ 2 เดือนเศษเท่านั้น เธอได้ตั้งชื่อให้กับเขาด้วยว่า “อีที” (ET)

.
“ทันทีที่มาร์ควางร่างเล็กๆ สีชมพู จมูกยาวๆ ลงบนโต๊ะตรวจ ฉันก็ตกหลุมรักเจ้าตัวเล็กในทันที ”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.
ถึงแม้ว่า ดร.เอริก้า จะเคยมีประสบการณ์การช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าขนาดเล็กมามากมายแล้วก็ตาม แต่นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสช่วยเหลือลูกหมูดิน ด้วยไร้ประสบการณ์จึงทำให้การดูแลอีทีลูกหมูดินตัวน้อยให้มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและรอดชีวิตได้นั้น กลายเป็นเรื่องใหม่ที่ยากมากเช่นกัน
.
“เราต้องทดลองใช้จุกขวดนมที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบเพื่อให้อีทีสามารถดูดกินนมได้สะดวกที่สุด ตอนแรกเราให้เขากินนมสำหรับลูกแมวยี่ห้อหนึ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในเมือง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่นัก ”
.
“เราจึงติดต่อไปขอคำแนะนำกับอาจารย์จากศูนย์วิจัยสัตวแพทย์ 'Onderstepoort' และได้รับคำตอบว่า ให้เขาลองกินนมแมวยี่ห้อหนึ่งที่ต้องน้ำเข้าจากต่างประเทศดู ซึ่งหลังจากทดลองก็พบว่าอีทีจะชอบนมยี่ห้อนี้มาก เขากินได้เยอะขึ้นและทำให้น้ำหนักตัวของเขาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.
สำหรับ ดร.เอริก้า แล้วการดูแลอีทีดูจะเป็นงานที่ค่อนข้างหนักเอาการเลยทีเดียว เธอแทบจะไม่ได้นอนหลับพักผ่อนยาวๆ เลย เพราะต้องคอยตื่นขึ้นมาป้อนนมให้กับอีทีทุกๆ 2 -3 ชั่วโมง และในทุกๆ วันก็ต้องหาเวลาพาเขาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ปล่อยให้เขาได้ขุดดินเพื่อฝนเล็บให้สั้นลงด้วย
.
“มันเป็นงานเต็มเวลาเหมือนกับดูแลทารกคนหนึ่งเลยล่ะ อีทีจำเป็นต้องกินนมทุกๆ สองถึงสามชั่วโมง และในแต่ละวันฉันก็ต้องหาเวลาพาเขาออกไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อออกกำลังกายด้วย”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.

.
ดร.เอริก้า ยังแนะนำอีทีให้รู้จักกับ “สโปกี้” (Spokie) และ “ซาราห์” (Zarah) น้องหมาของเธอด้วย ในตอนแรกสโปกี้และซาราห์ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่แน่ใจว่า อีทีเป็นน้องหมาสายพันธุ์ไหน พวกแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสับสนกับรูปร่างของสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาดอย่างอีที แต่ไม่นานนักพี่หมาทั้งสองก็เปิดใจยอมรับน้องหมูดินอีทีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว...

.

.
“สโปกี้และซาราห์ทำหน้างงและประหลาดใจมากเมื่อเห็นอีที สัตว์ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หลังจากทำความรู้กันเพียงแค่ไม่นานนัก ทั้งสองก็เริ่มเล่นกับอีทีและทำเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องหมาตัวหนึ่งเลยล่ะ น้องหมาทั้งสองของฉันคุ้นเคยกับลูกสัตว์กำพร้าเป็นอย่างดี พวกเขาจึงรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เด็กๆ เหล่านั้นรู้สึกดีและสบายใจขึ้นเมื่อได้มาอยู่ที่นี่”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.
เนื่องจากอีทียังเด็กมาก เขาจึงมักใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนอนหลับพักผ่อน และสถานที่ที่เขาโปรดปรานมากที่สุดนั่นก็คือ เบาะนอนนุ่มๆ ของพี่สโปกี้และซาราห์นั่นเอง

.
“อีทีชอบไปนอนบนเบาะของสโปกี้และซาราห์ เขานอนเหมือนกับเด็กทารกแรกเกิดเลย”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.
แต่เมื่อใดก็ตามที่อีทีลืมตาตื่นขึ้นมา นั่นหมายความว่าเวลาเล่นสนุกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อีทีจะเดินตามหาพี่หมาทั้งสองตัวของเขาเพื่อนชวนเล่นสนุก...

.
“สโปกี้และซาราห์อยู่ที่ไหนอีทีก็จะตามไปที่นั่นด้วย เสมอ พวกเขาเป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ อีทีเป็นน้องชายตัวเล็กที่พี่ๆ ต้องคอยดูแลและตามใจอยู่เสมอ ฉันคิดว่าตอนนี้อีทีคงจำไม่ได้แล้วล่ะว่า เขาเป็นหมูดิน เขาคงคิดว่าตัวเองเป็นน้องหมาแล้วล่ะมั๊ง ฮ่าๆ”
ดร.เอริก้ากล่าว
.

.
ดร.เอริก้า ดูแลเด็กชายอีทีตัวน้อยอยู่ราวๆ 5 เดือน จนกระทั่งเธอมั่นใจดีแล้วว่าอีทีจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ด้วยตัวเอง เธอจึงส่งตัวอีทีกลับเข้าไปใช้ชีวิตในป่าบ้านที่แท้จริงของเขา แต่...อีทียังคงกลับมาที่บ้านของ ดร.เอริก้า ทุกๆ คืน เพื่อเข้ามานอนหลับกับพี่หมาบนเบาะนอนนุ่มๆ ของพวกเขา และในตอนเช้าอีทีก็จะกลับเข้าไปใช้ชีวิตในป่าตามเดิม...
.
“อีทียังกลับมานอนที่บ้านของฉันทุกๆ คืนอยู่เลยนะ”
ดร.เอริก้ากล่าว
.
แต่หลังๆ อีทีเริ่มโตขึ้นและกลายเป็นหมูดินหนุ่มเต็มตัวแล้ว ความพร้อมของเขามากขึ้นและมีประสบการณ์มากพอแล้วในตอนนี้ อีทีจึงไม่กลับมานอนที่บ้านกับพี่หมาทั้งสองอีกแล้ว แต่เขายังคงกลับมาเยี่ยม ดร.เอริก้า อยู่เสมอๆ ไม่ได้หายไปไหน...
.

อีทีกลับเยี่ยมดร.เอริก้าเมื่อกรกฎาคม 2560
.

อีทีกลับเยี่ยมดร.เอริก้าเมื่อ กุมภาพันธ์ 2561
.

ล่าสุด! อีทีกลับเยี่ยมดร.เอริก้าเมื่อ พฤษภาคม 2562
.
หลังจากรับอีทีมาดูแลทำให้ ดร.เอริก้า เริ่มรู้จักกับพฤติกรรมของหมูดินมากขึ้นและรู้ว่าจะต้องดูแลพวกเขาอย่างไร 2- 3เดือนต่อมาเธอก็รับหมูดินตัวน้อยกำพร้าอีกตัวเข้ามาดูแลอีก เธอตั้งชื่อให้กับเขาว่า “เกอร์ที่” (Gertie) และเขามีบางอย่างเหมือนกับอีทีด้วย นั่นก็คือเกอร์ที่ชอบเล่นกับพี่หมาทั้งสองและยังชอบนอนบนเบาะของพี่หมาด้วย

เกอร์ที่
.
รับชมคลิป
.
ดูเหมือนว่าสัตว์ตัวน้อยอย่างหมูดินพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะเป็นมิตรกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ได้คล้ายๆ กับน้องหมาเลยนะครับ และที่สำคัญพวกเขามีความทรงจำและจดจำช่วงเวลาดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงชีวิตได้อีกด้วย จึงย้อนกลับมาเยี่ยมเยือนผู้มีพระคุณและพี่น้องที่เป็นเสมือนครอบครัวที่อบอุ่นของเขาแม้เวลาจะล่วงไปนานหลายเดือน หลายปีแล้วก็ตาม เป็นสายสัมพันธุ์ที่งดงามน่าประทับใจจริงๆ เลยว่าไหมครับ
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.