กลายเป็นคดีแรกในประเทศไทยที่เจ้าของหรือผู้ปกครองน้องหมายื่นฟ้องสัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์เอกชน หลังทำการผ่าตัดด้วยความประมาทจนเป็นเหตุให้น้องหมาแสนรักเสียชีวิต โดยศาลแพ่งได้รับฟ้องก่อนพิพากษาว่าสัตวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดกระทำโดยประมาทและโรงพยาบาลสัตว์ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ผ่าตัดต้องรับผิดชอบอย่างลูกหนี้ร่วมเพื่อชดใช้
.
.
"คุณธิษณา เดือนดาว" เจ้าของหรือผู้ปกครองน้องหมา โจทก์ผู้ยื่นฟ้องสัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์เอกชนแห่งหนึ่ง รับอุปการะ "เจอร์นี่" หรือ "เจ๋อ" น้องหมาสายพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นลูกหมาตัวน้อยอายุได้เพียง 3 เดือน หลังจากนั้นเธอได้เฝ้าดูแลทะนุถนอมเจ๋อด้วยรักอย่างดีเสมอมาไม่ละเลยพาไปตรวจสุขภาพทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งในเดือนเมษายน พ.ศ.2562 เจ๋อในวัย 11 ปีครึ่งต้องพบกับฝันร้ายเมื่อสัตวแพทย์ตรวจพบชิ้นเนื้อขนาด 3 ซม.ในปอดของเขา คุณธิษณาและครอบครัวไม่ได้นิ่งนอนใจตระหนักถึงปัญหาเร่งปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาทางรักษา
.
เจ๋อตอนที่ยังเป็นลูกหมาตัวน้อย
.
เจ๋อและคุณธิษณามีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน
.
ภายหลังสัตวแพทย์ได้ให้คำแนะนำและโน้มน้าวให้ทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง โดยระบุค่ารักษา 35,000 บาท ก่อนจะแจ้งอัตราค่ารักษาใหม่อีกครั้งประมาณ 80,000-100,000 บาท โดยให้เหตุผลว่าการรักษาจะต้องทำโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการส่องกล้อง ถึงแม้ค่ารักษาสูงขึ้นแต่ครอบครัวของเจ๋อก็ยังคงยืนยันที่จะทำการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวเหมือนเดิมและได้มีการชำระค่ารักษาเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการรักษากลับเป็นสัตวแพทย์อีกคนซึ่งไม่มีความชำนาญในการผ่าตัดแบบส่องกล้อง...
.
.
ในวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2562 ช่วงเวลาไม่กี่นาทีก่อนการรักษาจะเริ่มต้นขึ้น เจ๋อน้องหมาที่แสนดีได้ใช้โอกาสสุดท้ายเดินไปที่ประตูห้องผ่าตัดที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ เพื่อยื่นหน้าออกมาชะเง้อมองหาครอบครัวที่เขารักเพื่ออ้อนขอกำลังใจก้อนโต ซึ่งเขาก็ได้รับกำลังใจนั้นอย่างที่ต้องการ เจ๋อรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากที่มองออกมาแล้วเห็นครอบครัวยังคงเคียงข้างและรอเขากลับบ้านอยู่ที่บริเวณด้านหน้าห้องผ่าตัด ถึงแม้สีหน้าของเจ๋อจะดูหวาดหวั่นแต่เขาก็พร้อมสู้! หลังจากนั้นบานประตูห้องผ่าตัดก็ถูกปิด
.
ให้กำลังใจผมด้วยนะครับ
.
การทำอ้อนครั้งสุดท้าย...
.
การรักษาผ่านไปได้ไม่นานนักครอบครัวของเจ๋อก็ได้รับข่าวร้ายที่ทำให้หัวใจแตกสลาย เมื่อการผ่าตัดโดยการนำกล้องสอดเข้าไปในลำตัว ถูกเส้นเลือดใหญ่และยังไม่ถึงปอดจุดที่พบชิ้นเนื้อ ซึ่งเป็นเหตุให้เจ๋อน้องหมาที่แสนดีจากครอบครัวที่รักไปตลอดกาลและไม่มีโอกาสได้เดินยิ้มหวานกลับออกมาอ้อนขอกอดจากครอบครัวได้อีกแล้ว การสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นฝันร้ายที่ครอบครัวคาดไม่ถึงและไม่ทันตั้งตัว การชะเง้อมองออกมาจากห้องผ่าตัดเป็นการอ้อนขอกำลังใจและความน่ารักสุดท้ายที่เจ๋อฝากไว้ให้ครอบครัวคิดถึง...
.
.
เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้คุณธิษณาเจ้าของหรือคุณแม่ของเจ๋อช็อก ไม่สามารถข่มตานอนได้เลย เธอต้องใช้ยานอนหลับช่วยในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังจากที่ต้องสูญเสียเจ๋อไป ภายหลังโรงพยาบาลได้ชี้แจงว่าการผ่าตัดแบบส่องกล้องมีวิธีการที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากอุปกรณ์ต้องผ่านเส้นเลือดและอวัยวะที่สำคัญ ซึ่งคำชี้แจ้งดังกล่าวคุณธิษณาระบุว่าไม่ตรงกับที่แจ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ทราบเพียงว่าการผ่าตัดรักษาด้วยวิธีผ่าตัดแบบส่องกล้องไม่อันตราย ไม่เสียเลือดและมีแผลขนาดเล็ก หากรู้ว่ามีความซับซ้อนก็จะไม่ตัดสินใจทำการรักษาโดยเด็ดขาด
.
.
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกลายเป็นแรงผลักดันทำให้คุณธิษณาเริ่มศึกษาข้อกฎหมายและสืบค้นวิธีการรักษาของสัตวแพทย์เพื่อต้องการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย หวังให้การสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเป็นบทเรียนกับโรงพยาบาลสัตว์ให้มีจริยธรรมในการรักษา กระทั่งในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2562 คุณธิษณาตัดสินใจเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง โรงพยาบาลสัตว์และสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลอีก 2 ราย ต่อศาลเเพ่งแผนกคดีผู้บริโภค ฐานละเมิดในทางการที่จ้าง, สิทธิที่จะได้รับข่าวสารที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับบริการในฐานะผู้บริโภค, ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม โดยเรียกค่าสินไหมทดแทน 1,000,000 บาท ซึ่งศาลแพ่งรับคดีไว้พิจารณา
.
หลังจากที่กระบวนการทางกฎหมายผ่านไปนานถึง 3 ปี ล่าสุด! เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา ศาลเเพ่งเเผนกคดีผู้บริโภคได้พิพากษาว่า "สัตวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดกระทำโดยประมาทและโรงพยาบาลสัตว์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ทำการผ่าตัดต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม เนื่องจากโรงพยาบาลได้รับประโยชน์จากค่ารักษาพยาบาลและเป็นสถานที่ผ่าตัด และโจทก์เชื่อมั่นในโรงพยาบาล จึงนำสุนัขมาผ่าตัด โรงพยาบาลสัตว์จึงต้องร่วมรับผิดด้วย"
.
แม้จะยื่นฟ้องเป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค แต่ศาลก็คิดค่าเสียหายตามจริงของราคาน้องหมาสายพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ ขนสีช็อกโกแลตสูงสุดในขณะนั้น คือ 70,000 บาท และไม่สามารถคำนวณค่าเสียหายทางด้านจิตใจได้
.
ตอนนี้คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ทั้ง 2 ฝ่ายมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ อย่างไรก็ตามนี่ก็พอจะทำให้เห็นว่าศาลกำลังให้ความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายที่ต้องสูญเสียน้องหมาสุดที่รักซึ่งเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัวไป ถึงแม้ตามกฎหมายน้องหมาจะเป็นเพียงแค่ทรัพย์สินชิ้นหนึ่งก็ตาม
.
คุณธิษณาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยพีบีเอสว่า การฟ้องร้องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำเพื่อต้องการเงิน เพียงต้องการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายและหวังเป็นบทเรียนให้กับโรงพยาบาลสัตว์ให้มีจริยธรรมในการรักษา ที่ผ่านมาเธอต้องทนอยู่กับสภาพจิตใจที่บอบช้ำเมื่อต้องนึกย้อนถึงอดีตเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความสูญเสียซ้ำ ๆ ทุกครั้ง ที่นัดสืบพยานจนต้องพบจิตแพทย์
.
"คุณอากาศ วสิกชาติ" ทนายความได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยพีบีเอสเพิ่มเติมว่า ถึงแม้เจ้าของหรือผู้ปกครองจะเซ็นยินยอมให้มีการรักษาสัตว์เลี้ยงไปแล้ว แต่หากการรักษาเกิดขึ้นด้วยความประมาทเลินเล่อก็ไม่สามารถนำมาอ้างในชั้นศาลได้ อธิบายคือการเซ็นยินยอมสามารถใช้ได้ในกรณีเหตุสุดวิสัย แต่หากเป็นการกระทำโดยประมาทสิทธิ์ยินยอมที่เกิดขึ้นก็นำมาใช้อ้างไม่ได้ หลักการในข้อนี้ไม่ได้นำมาใช้เพียงแค่กรณีสัตว์เท่านั้น แต่ทว่าบุคคลก็ใช้หลักการนี้ด้วยเช่นกัน
.
.
คดีที่เกิดขึ้นมีประโยชน์ต่อคนรักสัตว์ที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับสัตว์เลี้ยง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจสถานพยาบาลสัตว์ในประเทศตระหนักถึงเรื่องจริยธรรมมากขึ้น แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะตามมาย่อมส่งผลดีกับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
