เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา น้องหมาจรจัดตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่บนท้องถนนในย่านแมร์โล ชานเมืองกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนตินา พบกับความโชคร้ายถูกยางมะตอยปกคลุมทั้งตัวเหนียวหนืดจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ น้องหมาผู้น่าสงสารทำได้เพียงแค่นอนรออยู่แบบนั้น เธอกำลังภาวนาให้มีใครมองเห็นและยื่นมือมาช่วยก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง… แต่ดูเหมือนว่าโชคยังเข้าข้างน้องหมาอยู่บ้าง เมื่อเพื่อนๆ น้องหมาจรจัดที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นต่างช่วยกันส่งเสียงเห่าร้องและพุ่งความสนใจไปที่ร่างของน้องหมาผู้โชคร้ายที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เพื่อนน้องหมาจรจัดบางส่วนยังวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นด้วยการเห่าร้องให้ผู้คนหันมาสนใจด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก...
.
โชคดีที่มีชายพลเมืองดีรายหนึ่งเดินผ่านมาพบกับน้องหมาจรจัดกลุ่มดังกล่าวเข้า ก่อนจะเกิดความสงสัยว่าน้องหมาเหล่านั้นกำลังเห่าร้องให้ความสนใจอะไรกันอยู่ พวกเขามีอาการลุกลี้ลุกลน เพื่อหาคำตอบชายพลเมืองดีจึงเดินตามน้องหมาไปขณะที่ก็พยายามกวาดสายตามองระหว่างสองข้างทางไปด้วย เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้พบกับน้องหมาจรจัดผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังถูกยางมะตอยสีดำปกคลุมเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น น้องหมากำลังหายใจรวยรินและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ...
.
เมื่อเห็นภาพที่น่าเวทนาของน้องหมาผู้เคราะห์ร้าย... พลเมืองดีก็ไม่รอช้าเร่งติดต่อไปยังหน่วยดับเพลิงท้องถิ่นและมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Proyecto 4 Patas เพื่อแจ้งเรื่องขอความช่วยเหลือให้กับน้องหมา วอนขอให้เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือน้องหมาผู้เคราะห์ร้ายโดยด่วน...
.
เมื่อหน่วยดับเพลิงและเจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Proyecto 4 Patas ได้รับแจ้งเรื่องสถานการณ์ที่กำลังวิกฤตของน้องหมาจรจัดผู้เคราะห์ร้าย พวกเขาก็รับเรื่องไว้แล้วรีบเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือน้องหมาทันที หลังจากเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็พบว่าน้องหมาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าที่คิดเอาไว้มาก ร่างกายของเขาถูกยางมะตอยปกคลุมไปทั่วทั้งตัว ไม่เหลือพื้นที่สะอาดอยู่เลย ซ้ำร้ายยางมะตอยยังไหลเข้าไปเปื้อนบริเวณด้านในช่องปากและช่องโพรงจมูกของเขาด้วย เจ้าหน้าที่รู้สึกตกใจและหัวใจสลายเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า...
.
"เรารู้สึกตกใจมาก เราไม่เคยอยู่ต่อหน้าสัตว์ที่ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แบบนี้มาก่อนเลย...แต่ตอนนั้นมันเป็นเวลาที่เราต้องตั้งสติใช้ความตั้งใจและความรักของเรา พาเธอออกมาจากสถานการณ์ฝันร้ายนี้ให้เร็วที่สุด"
มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Proyecto 4 Patas กล่าว
.
เจ้าหน้าที่ของ Proyecto 4 Patas ตั้งสติก่อนที่ช่วยกันใช้ผ้าเช็ดยางมะตอยที่เหนียวเหนอะหนะออกให้มากที่สุด ก่อนจะเร่งอุ้มร่างของน้องหมาจรจัดผู้โชคร้ายขึ้นไปบนรถ ก่อนจะรีบพาตัวเขาไปยังมูลนิธิฯ เพื่อหาทางเอายางมะตอยที่ปกคลุมจนทั่วตัวของเขาออก...
.
เนื่องจากน้องหมาอยู่ในสภาพที่อิดโรยมาก สัตวแพทย์ประจำมูลนิธิฯ จึงต้องให้น้ำเกลือเพื่อให้เขาได้รับสารอาหารเข้าสู่ร่างกายและฟื้นสภาพมีแรงขึ้นก่อนสักพัก หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ระดมกำลังช่วยกันล้างยางมะตอยออกจากตัวของน้องหมาโดยใช้น้ำมันพืช ถึงแม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จำนวนหลายคน แต่ทว่ากว่าจะล้างยางมะตอยออกจากตัวน้องหมาได้หมดก็ต้องใช้เวลานานกว่า 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว...เป็นงานที่ค่อนข้างหนักมาก
.
"เรารวบรวมอาสาสมัคร ร่วมมือกันเป็นทีม ใช้น้ำมันลิตรแล้วลิตรเล่า จนกระทั่ง 9 ชั่วโมงผ่านไป เราถึงจะทำความสะอาดยางมะตอยออกได้จนหมด"
มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Proyecto 4 Patas กล่าว
.
.
.
หลังจากล้างยางมะตอยหลุดออกจนเกือบจะหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ยลโฉมใบหน้าที่น่ารักของน้องหมาสี่ขาผู้เคราะห์ร้าย เจ้าหน้าที่พบว่าแท้จริงแล้วน้องหมาเป็นเพศเมีย ไม่ใช่เพศผู้อย่างที่เข้าใจในตอนแรก เจ้าหน้าที่ได้ตั้งชื่อให้กับเธอว่า “อะโล” (Aloe) ซึ่งเป็นชื่อที่น้องหมาจะใช้สำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอหลังจากนี้... ถึงแม้ว่ายางมะตอยจำนวนมากถูกล้างออกจนเกือบหมดแต่ทว่าขนที่ยาวของเธอก็ยังคงมียางมะตอยติดอยู่บนขน อะโลจึงถูกตัดขนที่เต็มไปด้วยยางมะตอยออกก่อนที่จะถูกอาบน้ำ ฟอกแชมพูทำความสะอาดอีกครั้ง... หลังจากนั้นเธอก็ได้กินอาหารมื้อแรก สีหน้าของอะโลยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก มีอาการอ่อนแรงและมีนัยน์ตาที่กำลังซึมเศร้า...
.
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นสันนิษฐานว่า อะโลอาจจะถูกเจ้านายเก่านำมาทิ้งไว้บริเวณนั้น และด้วยยังอ่อนประสบการณ์ในการใช้ชีวิตเร่ร่อนนอกบ้านก็ทำให้อะโลพลัดตกลงไปในถังยางมะตอย จนต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาแบบนี้ หรืออีกข้อสันนิษฐานซึ่งก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เธออาจจะถูกคนใจร้ายมีความคิดพิเรนทร์จับเธอโยนลงไปในถังยางมะตอย... แต่ด้วยความพยายามอะโลก็สามารถตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ในที่สุด แต่ด้วยอ่อนแรงและยางมะตอยที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวก็ทำให้เธอเดินต่อไปไม่ไหว หมดเรี่ยวแรงก่อนจะทรุดนอนลงบนพื้น อย่างไรก็ตามตอนนี้อะโลผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายมาได้แล้ว เธอรอดชีวิตและอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว...
.
ตอนนี้อะโลอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเจ้าหน้าที่และสัตวแพทย์ เธอเป็นน้องหมาที่น่ารักและเริ่มปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ได้บ้างแล้ว เจ้าหน้าที่หวังว่าอะโลจะแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน และเมื่อถึงวันนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศหาบ้านหลังใหม่ให้กับเธอต่อไป
.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของ Proyecto 4 Patas เผยว่าตอนนี้อะโลหายดีแล้วและเธอกลายเป็นน้องหมาที่ร่าเริงและมีความสุขกับชีวิตมากๆ ตอนนี้เธอยิ้มได้แล้วด้วย
.
หนูยิ้มได้แล้ว
.
.
.
ลมหายใจของอะโลในวันนี้คงต้องขอบคุณหลายๆคนที่มีส่วนช่วย อันดับแรกก็คงเป็นเพื่อนๆ น้องหมาจรจัดของเธอ ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนที่กำลังทุกข์ไม่ยอมปล่อยให้เพื่อนนอนสิ้นหวังกระทั่งหมดลม พวกเขาไร้บ้านแต่ไม่ไร้หัวใจจริงๆ น่าประทับใจมากๆ และนอกจากนั้นแล้วก็ต้องขอบคุณชายพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ที่ไม่ย่อท้อหมดวัง ยอมตัวเปื้อนเลอะเทอะเพื่อช่วยชีวิตสัตว์จรจัดให้รอด สู้ๆ นะอะโลด็อกคลิปเอาใจช่วย! วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่านี้แน่ๆ
.
หากเพื่อนๆ ชาวด็อกคลิป มีประสบการณ์พบเจอเรื่องราวน่ารักๆ เกี่ยวกับน้องหมาที่ทำให้เราอมยิ้มตาม หรือซาบซึ้งใจ อย่าลืมแวะมาเล่าและแบ่งปันให้เพื่อนๆ ชาวด็อกคลิปให้ฟังกันบ้างนะครับ ผ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์นี้หรือในกลุ่มด็อกคลิปวิลเลจ (Dog's Clip Village) ก็ได้นะครับ มาเป็นชาวด็อกคลิปวิลเลจ มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ
.
ขอบคุณข้อมูลจาก The Sun, Proyecto 4 Patas
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
