ออสเตรเลียเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าน้องหมาตัวน้อยกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหนีออกจากบ้านไปสำรวจให้ทั่วออสเตรเลียด้วยตัวเอง

รัสตี้สี่ขาตัวน้อยนักผจญภัย

.

“รัสตี้” (Rusty) น้องหมาสายพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย วัย 3 ปี ได้สร้างวีรกรรมสุดป่วน หลังจากที่ได้แอบย่องออกจากบ้านในเมืองกูนดิวินดิ รัฐควีนส์แลนด์ ก่อนจะถูกพบตัวอีกครั้งในเมืองสโนว์ทาวน์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาไกลถึง 1,500 กิโลเมตร!

ระยะทางที่รัสตี้แอบหนีไปเที่ยว น่าทึ่งมากสำหรับน้องหมาตัวน้อย

.

“ลอร่า สคูดามอร์ ” (Laura Scudamore) ผู้ปกครองหรือนายรักของรัสตี้เล่าว่าปกติแล้วรัสตี้ไม่ได้รู้สึกแย่ที่จะได้นอนอยู่บนเบาะนุ่ม ๆ ในบ้าน แต่ก็ไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ออกมาวิ่งเล่นไปรอบ ๆ บ้านพร้อมกับพี่น้องสายพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี่ของเขา รัสตี้เป็นน้องหมาที่ร่าเริงและซุกซนมีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นแต่อาจจะมากกว่าน้องหมาตัวอื่น ๆ ไปบ้างนิดหน่อย ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่รัสตี้จะแอบย่องหนีออกจากบ้านเพื่อเดินเตร็ดเตร่ตระเวนเที่ยวไปรอบ ๆ หมู่บ้าน

รัสตี้และครอบครัวของเขา

.

“รัสตี้เป็นน้องหมานักผจญภัย เขามักจะหายตัวออกไปอยู่บริเวณรอบ ๆ บ้านเพื่อมองหาการผจญภัยใหม่ ๆ อยู่เสมอ บางครั้งเขาก็แอบเดินไปไกลแล้วหลงทางจนพาตัวเองกลับบ้านไม่ได้ ซึ่งโชคดีที่ทุกครั้งฉันตามหาเขาเจอเสมอ”

ลอร่ากล่าว

.

.

จนกระทั่งวันหนึ่งในช่วงปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาความซุกซนก็ทำให้รัสตี้ได้พบกับการผจญภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้ครอบครัวต้องอกสั่นขวัญแขวนและวุ่นกันจนหัวปั่น โดยมีจุดเริ่มมาจากความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นหลังจากที่รัสตี้ถูกครอบครัวทิ้งให้ต้องรออยู่ภายในบ้านตามลำพัง ก่อนจะกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาเสาะแสวงหาช่องโหว่ตามหน้าต่างและประตูบ้านเพื่อมุดออกไปเริงร่ากับอิสรภาพนอกบ้าน ซึ่งเขาทำสำเร็จ จากนั้นรัสตี้ก็ไม่รอช้ามองหาความท้าทายกว่า รีบวิ่งติดสปีดมุ่งหน้าไปยังถนนทางหลวงที่อันตราย แต่โชคดีที่ครอบครัวใจดีผ่านมาพบรัสตี้และเข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้องหมาถูกทิ้งที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ จึงเกิดสงสารก่อนจะตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือรับขึ้นรถแล้วพาร่วมเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองชินชิลา ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของรัสตี้ไปประมาณ 2 ชั่วโมง 

.

“ในขณะที่เราไม่อยู่ รัสตี้ก็แอบหนีออกจากบ้าน ก่อนจะพาตัวเองไปยังถนนทางหลวง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเขามักจะทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเมื่อได้โอกาส ”

ลอร่ากล่าว

.

ด้วยธรรมชาติที่งดงามในเมืองชินชิลาและความใจดีของครอบครัวคนแปลกหน้า รัสตี้จึงไม่ทำตัวงอแงตัดสินใจที่จะใช้ช่วงเวลาสุดสัปดาห์ไปกับพวกเขา จากนั้นไม่นานครอบครัวคนแปลกหน้าก็พบความจริงว่ารัสตี้ไม่ได้ไร้บ้านอย่างที่เข้าใจจึงได้ช่วยพารัสตี้กลับบ้านไปพบคุณแม่ลอร่าในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการผจญภัยที่เพิ่งเกิดขึ้นกลับได้สร้างประสบการณ์แสนพิเศษที่ตราตรึงจนรัสตี้ติดใจ นั่นจึงทำให้เขาเอาแต่ตั้งตารอโอกาสเหมาะที่จะได้หนีออกไปเที่ยวนอกบ้านกับคนแปลกหน้าอีกครั้ง
.

“ในขณะที่เราไม่ทันได้สังเกต รัสตี้ได้หาโอกาสแอบหนีออกจากบ้านไปอีกครั้ง เขาวิ่งออกไปที่ถนนทางหลวงและได้พบกับรถบรรทุกที่กำลังจอดพักอยู่บริเวณข้างถนน จากนั้นเขาก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บริเวณใต้ห้องโดยสารซึ่งอยู่ติดกับล้ออะไหล่ โดยที่เจ้าของรถบรรทุกไม่รู้ตัว”

ลอร่ากล่าว

.

หลังจากที่ลอร่ารู้ว่ารัสตี้หายตัวออกจากบ้านไปอีกแล้ว เธอและครอบครัวก็ได้ช่วยกันออกตามหาเช่นอย่างเคย แต่ทว่าครั้งนี้การหายตัวไปของรัสตี้กลับน่ากังวลใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหายตัวไปนานหลายวันและไม่มีใครพบเห็นเขาเลย กระทั่งพี่สะใภ้ของลอร่าได้รับการติดต่อจากผู้หญิงปริศนาคนหนึ่งชื่อ “ฮีทเธอร์” (Heather) จากเมืองสโนว์ทาวน์ รัฐเซาท์ออสเตรเลีย เพื่อแจ้งข่าวดีว่ารัสตี้กำลังอยู่ในความดูแลของเธอ

รัสตี้และฮีทเธอร์

.

“รัสตี้แอบเดินทางไปกับสามีของฮีทเธอร์ซึ่งมีอาชีพขับรถบรรทุก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่ารัสตี้แอบย่องขึ้นรถตอนไหน โชคดีที่ปลอกคอของรัสตี้มีชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ของเราติดอยู่ ฮีทเธอร์จึงติดต่อเราได้ ฉันทึ่งมากที่รัสตี้หนีออกจากบ้านไปเที่ยวได้ไกลมาก แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือฉันจะไปรับเขากลับบ้านได้ยังไงนะสิ เพราะระยะทางมันไกลถึง 1,500 กิโลเมตร!”

ลอร่ากล่าว

.

ลอร่าพบว่าต้องขับรถยนต์ส่วนตัวถึง 17 ชั่วโมงสำหรับภารกิจรับรัสตี้กลับบ้าน อย่างไรก็ตามเพื่อให้สะดวกและง่ายขึ้นเธอจึงสอบถามบริการรับส่งสัตว์เลี้ยงแต่ทว่าค่าบริการแพงหูฉี่จนจ่ายไม่ไหว จากนั้นเธอก็ปิ๊งไอเดียเด็ด!

.

“ฉันตัดสินใจโพสต์ข้อความลงบนหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อขอความช่วยเหลือ เผื่อว่าจะมีคนรู้จักกำลังจะเดินทางจากเมืองสโนว์ทาวน์กลับมาที่เมืองกูนดิวินดิ ฉันจะได้ฝากให้เขาพารัสตี้กลับมาด้วย แต่โพสต์ของฉันกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นทำให้การขอความช่วยเหลือของฉันได้รับความสนใจ มีคนจำนวนมากที่ฉันรู้จักและไม่รู้จักได้เสนอความช่วยเหลือมาให้ ซึ่งฉันรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณพวกเขามากที่ได้พยายามช่วยเหลือเรา”

ลอร่ากล่าว

.

หนึ่งในคนใจดีคือบริษัรับจัดส่งสัตว์เลี้ยงโดยเครื่องบินส่วนตัว "Jetpets" พวกเขาติดต่อไปหาล่อร่าพร้อมเสนอความช่วยเหลือมอบที่นั่งพิเศษให้กับรัสตี้เพื่อเดินทางกลับบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายและลอร่าได้น้อมรับน้ำใจนั้นเอาไว้ แต่กว่าเที่ยวบินพิเศษจะมาถึงรัสตี้จะต้องรออยู่ที่เมืองสโนว์ทาวน์ต่ออีกประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นปัญหาเมื่อครอบครัวของฮีทเธอร์มีน้ำใจยินดีช่วยดูแลรัสตี้ให้ระหว่างที่รอ เมื่อกำหนดเดินทางมาถึงรัสตี้ก็ได้บินลัดฟ้ากลับสู่อ้อมกอดครอบครัวอย่างปลอดภัยอีกครั้ง

รัสตี้กับ สก็อต วิลเลี่ยม ผู้บริการของ Jetpets

.

ทันทีที่รัสตี้เดินลงจากเครื่องบินลอร่าและครอบครัวต่างดีใจจนมีน้ำตา พากันวิ่งกรูเข้าไปรับรัสตี้มากอดเอาไว้แน่น ถึงแม้ว่ารัสตี้จะสร้างวีรกรรมไม่เคยหยุดหย่อนจนทำให้ครอบครัวต้องเหนื่อยและกังวลใจหลายครั้ง แต่พวกเขากลับไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธเลยเพราะตระหนักดีว่านี่เป็นหน้าที่ที่ครอบครัวต้องรับผิดชอบ พวกเขาเข้าใจและสัญญาว่าจะหาวิธีป้องกันให้ดีกว่าเดิมถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามอย่างมากแล้วก็ตาม ลอร่าได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เพื่อต้อนรับการกลับบ้านของรัสตี้ด้วย

.

รัสตี้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าในหัวของเขายังโหยหาการออกไปผจญครั้งใหม่อยู่อีกหรือไม่

หลังจากกลับมาถึงบ้านรัสตี้ก็ได้ไปร่วมงานที่โรงเรียนของลูกสาวลอร่าด้วย 

.

วีรกรรมของรัสตี้ถูกชาวเมืองพูดถึงและนั่นทำให้เขากลายเป็นคนดังที่มีแต่ใคร ๆ อยากเข้าไปทำความรู้จักด้วย การออกไปพบปะเด็ก ๆ ในโรงเรียนทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่า นี่อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้รัสตี้วางแผนชักชวนเด็กน้อยร่วมผจญภัยครั้งใหม่กับเขา รบกวนคุณครูช่วยดูแลเด็ก ๆ ด้วย เดี๋ยวเด็ก ๆ จะถูกรัสตี้หลอกไปซุกซนไม่ปลอดภัยแน่ ฮ่า ๆ

.

“รัสตี้กลับถึงบ้านแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นคนดัง ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนสนใจและเข้ามาแสดงความรัก สิ่งเดียวที่ฉันเป็นกังวลมากในตอนนี้คือฉันจะป้องกันไม่ให้การผจญภัยครั้งใหม่ของรัสตี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”

ลอร่ากล่าว

.

ดีจ้าแฟนคลับ ไว้ไปผจญภัยด้วยกันนะ เตรียมรถไว้เลย

.
โชคดีที่รัสตี้มีเสน่ห์ทำให้มีแต่คนแปลกหน้าตกหลุมรักและเอ็นดู จึงยอมยื่นมือมอบความช่วยเหลือให้เขาตลอดการเดินทาง นอกจากนั้นความใส่ใจของลอล่าที่ช่วยสลักชื่อและเบอร์โทรติดต่อกลับบนปลอกคอของรัสตี้ก็ยังช่วยทำให้รัสตี้ที่แม้จะซุกซนหนีไปไกลแค่ไหนก็ยังคงถูกส่งตัวกลับมาที่บ้านได้เสมอ ซึ่งเป็นวิธีที่นายรักหลายคนสามารถนำไปใช้ได้หากยังไม่สามารถฝังไมโครชิปบนตัวน้องหมาได้ แต่อย่างไรก็ตามการหนีเที่ยวก็ไม่ปลอดภัยสำหรับน้องหมาหวังว่าครอบครัวของรัสตี้จะพบวิธีที่ดีและเหมาะในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในเร็ววันนะครับ 

ไปผจญภัยกันมั้ยพวก! หนุกนะ  แอบขึ้นรถบรรทุก เที่ยวต่างเมือง ไปนอนบ้านคนแปลกหน้าแล้วก็นั่งเครื่องบินกลับบ้าน เก๋ไม่ไหว ไปด้วยกันมั้ย ไม่ต้องถามแม่นายนะ เธอคงไม่อนุญาตแน่ ๆ

.

.

.

 

.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip 
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com

“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”

.

.