คุณพ่อท่านหนึ่งกำลังรู้สึกเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่ต้องจำใจขุดหลุมฝังศพเพื่อฝังร่างน้องหมาสุดรัก หลังจากได้ทราบว่าน้องหมาป่วยหนักและต้องถูกการุณยฆาตโดยไม่ทันได้ตั้งตัว บรรยากาศยิ่งน่าหดหู่หนักกว่าเดิม เมื่อน้องหมาผู้ไม่รู้ชะตากรรมเดินมานอนเฝ้าให้กำลังใจคุณพ่อในระหว่างที่เขากำลังขุดหลุมศพอยู่ น้องหมาจ้องมองดูหลุมศพของตัวเองด้วยแววตาที่นิ่งเฉยในขณะที่น้ำตาแห่งความเสียใจก็กำลังไหลอาบสองแก้มคุณพ่อ แต่ทว่าช่วงไม่กี่นาทีก่อนน้องหมาจะถูกการุณยฆาตเรื่องราวกลับหักมุมจนทำให้คุณพ่อและครอบครัวต้องพากันงงงวยกันไปตาม ๆ กัน

.
เว็บไซต์ Dailymail ประเทศอังกฤษ ได้เผยแพร่เรื่องราวของ "แฟรงคลิน" (Franklin) หนุ่มชาวอังกฤษ ที่ได้ทวิตข้อความพร้อมภาพลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์น่าหดหู่ใจที่เกิดขึ้นกับน้องหมาในอุปการะและคุณพ่อของเขา ก่อนจะมีเรื่องให้ต้องประหลาดใจในตอนท้ายซึ่งทำเอางวยงงเป็นไก่ตาแตก! เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณพ่อของแฟรงคลินได้ทราบข่าวร้ายจากสัตวแพทย์ที่ไว้วางใจและคุ้นเคยว่า น้องหมาสายพันธุ์โกลเด้นดูเดิ้ลในอุปการะของเขากำลังเผชิญกับโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ อีกไม่นานน้องหมาของเขาอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
.
สัตวแพทย์แนะนำให้คุณพ่อของแฟรงคลินการุณยฆาตน้องหมาสุดรักซะ เพื่อปกป้องน้องหมาจากความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าและสัตวแพทย์จะเดินทางมาที่บ้านของเขาเพื่อทำการุณยฆาตน้องหมาตามวันที่นัดหมาย เมื่อทราบดังนั้นคุณพ่อของแฟรงคลินและครอบครัวต่างรู้สึกเศร้า เสียใจและไม่พร้อมรับมือกับการสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น วาระสุดท้ายของน้องหมาสุดรักมาถึงเร็วจนพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวและคนที่ทุกข์ใจที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณพ่อของแฟรงคลิน นั่นเพราะน้องหมาสนิทและผูกพันกับคุณพ่อมากที่สุด
.
คุณพ่อเชื่อมั่นในสัตวแพทย์ผู้ที่คอยดูแลน้องหมาสุดรักอย่างดีมาโดยตลอด เขาคิดทบทวนอย่างรอบคอบและเลือกที่จะปกป้องน้องหมาสุดรักจากความเจ็บปวดตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ยอมเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บปวดดีกว่าต้องปล่อยให้น้องหมาสุดรักมีช่วงเวลาทุกข์ทรมานจนลมหายใจสุดท้าย
.
วันนั้นคุณพ่อเดินไปที่สวนหลังบ้านตามลำพังอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะหยิบพลั่วออกมาขุดหลุมเพื่อเตรียมฝังร่างน้องหมาสุดรัก มันยากมากสำหรับคุณพ่อแต่เขาก็ขอลงมือสร้างบ้านหลังสุดท้ายให้กับน้องหมาเอง เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะดีที่สุดสำหรับน้องหมาที่รักสุดหัวใจ คุณพ่อออกแรงขุดดินอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน ขณะที่น้ำตาแห่งความเสียใจก็พรางไหลออกมาเป็นพัก ๆ ในระหว่างนั้นเองน้องหมาสุดรักของคุณพ่อก็เดินตามมานอนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณพ่อด้วย น้องหมาอยู่ที่นั่นเฝ้ามองดูหลุมที่ถูกขุดลึกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยแววตาที่นิ่งเฉย ไม่มีใครรู้ว่าตอนนั้นน้องหมารับรู้ หรือเข้าใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่สำหรับแฟรงคลินแล้วเขารู้และมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นน้องหมาพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณพ่อของเขาเสมอ

.
กระทั่งสัตวแพทย์เดินทางมาถึงและเริ่มตรวจร่างกายให้กับน้องหมาอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น ในตอนนั้นเองที่สัตวแพทย์ได้พบว่าน้องหมาไม่มีความผิดปกติ หรือสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการป่วยของโรคร้าย ซึ่งควรจะก่อตัวเริ่มสร้างความเจ็บปวดให้กับน้องหมาบ้างแล้วหากประเมินตามประวัติ แต่ในทางตรงกันข้ามสัตวแพทย์กลับพบว่าน้องหมามีสัญญาณของสุขภาพที่ดีและน่าจะมีอายุยืนกว่าน้องหมาทั่ว ๆ ไปด้วย ดังนั้นสัตวแพทย์จึงไม่จำเป็นต้องการุณยฆาตน้องหมาและแจ้งให้ครอบครัวทราบสำหรับข่าวดี แน่นอนว่านั่นทำให้คุณพ่อที่กำลังเครียดและเศร้าอย่างหนักถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความดีใจอย่างที่สุด ก่อนจะดึงตัวน้องหมาเข้ามากอดเอาไว้แน่นและพูดปลอบใจกันและกันในทำนองว่า ไม่มีใครต้องนอนในหลุมหรือร้องไห้เสียใจเพราะการสูญเสียอีกแล้ว พวกเขาจะอยู่ด้วยกัน
.
“สัตวแพทย์โทรมาบอกคุณพ่อของผมว่า น้องหมาของคุณกำลังป่วยหนักใกล้ตายและเขากำลังจะเดินทางมาการุณยฆาตน้องหมาให้ที่บ้าน คุณพ่อของผมก็ออกไปขุดหลุมเตรียมฝังร่างน้องหมาสุดรักของเขาทั้งน้ำตา ขณะที่มีน้องหมานั่งเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ แต่หลังจากที่สัตวแพทย์มาถึงและตรวจร่างกายน้องหมาอย่างละเอียดซ้ำอีกครั้ง เขากลับบอกว่านี่คงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด น้องหมาไม่ได้ป่วย แถมยังแข็งแรงมากด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย”
แฟรงคลิน กล่าว
.

.
แฟรงคลินอธิบายเพิ่มเติมว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากว่าทำไมสัตวแพทย์แจ้งเรื่องสำคัญแบบนี้ผ่านทางโทรศัพท์ เพราะสิ่งที่ควรทำคือการอธิบายให้กับครอบครัวของน้องหมารับรู้ต่อหน้ามากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับคุณพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ทั้งยังบอกกับคุณพ่อด้วยอารมณ์โมโหว่าสัตวแพทย์คนนี้คงจะไม่ใช่สัตวแพทย์ที่ดีเท่าไหร่นัก แต่คุณพ่อกลับแย้งว่าสัตวแพทย์คนนี้ดีที่สุดแล้วเท่าที่รู้จักมา
.
ตอนที่คุณพ่อของแฟรงคลินพาน้องหมาออกมาจากหลุมฝังศพ น้องหมาแทบไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย เขาคงไม่เข้าใจว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เกือบต้องจบชีวิตลงเพียงเพราะความเข้าใจผิดและความผิดพลาดในการทำงานของโรงพยาบาลสัตว์ แต่คนที่เจ็บปวดราวจะขาดใจกลับเป็นคุณพ่อ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับคุณพ่อจริง ๆ แต่เมื่อสัตวแพทย์แจ้งว่าเป็นความเข้าใจผิดและเรื่องผิดพลาดของระบบ ทุกคนก็ดีใจและโล่งอกจนตัวเบาหวิวราวกับว่าได้พบปาฏิหาริย์

ภาพล่าสุดที่แฟรงคลินโพสต์แชร์บนทวิตเตอร์เผยให้เห็นน้องหมาสุดรักของคุณพ่อกำลังนั่งรับลมอยู่ที่บริเวณท่าน้ำ เขาดูแข็งแรงและมีความสุขมากด้วย ซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้งานหลายคนรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่น้องหมายังมีชีวิตและปลอดภัยดีในอ้อมกอดของครอบครัว
.

นับว่าเป็นความโชคดีที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดและการทำงานที่ผิดพลาดซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลย ความรู้สึกเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและเปราะบางมาก แต่ก็ยังดีที่ตอนท้ายสัตวแพทย์รอบคอบที่จะตรวจร่างกายน้องหมาซ้ำให้แน่ใจ หากไม่แล้วครอบครัวของแฟรงคลินคงต้องสูญเสียสมาชิกสี่ขาสุดรักไปอย่างไม่มีวันกลับและแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลย แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยและบาดแผลทางใจที่ไม่มีวันหายสำหรับหลายคนที่มีส่วนในความผิดพลาดครั้งนี้
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.