เมื่อ “ลิซ กราฟแฟ็กนิโน แทฟต์ ” (Liz Graffagnino Taft) และสามีได้พาลูกสาวตัวน้อยสมาชิกคนใหม่กลับบ้าน พวกเขาค่อนข้างเป็นกังวลว่า “รีมัส” (Remus) ลูกชายสี่ขาสายพันธุ์อเมริกันพิตบูล เทอร์เรียในวัย 10 ปีจะมีปฎิกิริยาอย่างไรเมื่อได้พบหน้าน้องสาวตัวน้อยสมาชิกใหม่ รีมัสไม่เคยมีประสบการณ์ใช้ชีวิตร่วมกับเด็กน้อยวัยแรกเกิด อีกทั้งยังเป็นลูกรักหนึ่งเดียวที่ได้รับความสนใจ ความรักและการทุ่มเทจากคุณแม่ลิซและคุณพ่อของเขามาตลอดด้วย
.
.
เมื่อประมาณ 6 ปีก่อนลิซและสามีรับอุปการะน้องหมารีมัสมาจากศูนย์พักพิงสัตว์ Flagler Humane Society ในเมืองปาล์มโคสต์ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงแรกรีมัสเป็นน้องหมาที่หวาดกลัวผู้คนซึ่งเป็นผลจากอดีตที่เลวร้าย เขาเคยถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อเกมกีฬาต่อสู้ของมนุษย์ใจร้าย ก่อนจะถูกช่วยเหลือไว้โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงสัตว์ฯ หลักจากนั้นเป็นเวลานานหลายเดือนรีมัสก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงสัตว์ฯ รีมัสเรียนรู้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างจนสามารถเปิดใจให้กับมนุษย์ได้อีกครั้ง
.
“เขาถูกเลี้ยงไว้เพื่อต่อสู้ในเกมกีฬา หลังจากที่เจ้านายของเขาถูกจับ รีมัสก็ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงสัตว์ ก่อนจะถูกรับอุปการะถึงสองครั้ง ทว่าสุดท้ายก็ถูกส่งคืนศูนย์พักพิงสัตว์ เหตุผลเพราะเขาไม่ยอมห่างจากใครก็ตามที่รู้สึกไว้ใจและตามติดไปทุกที่ไม่ยอมให้คลาดสายตาจนทำให้ใครคนนั้นรู้สึกอึดอัด เขารอการอุปการะมานานกระทั่งเราได้ไปเจอเขาและตัดสินใจพาเขากลับมาดูแลที่บ้านเสมือนลูกชายคนหนึ่งจนถึงตอนนี้”
ลิซกล่าว
.
หลังจากที่ลิซรับน้องหมารีมัสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในฐานะลูกชายแล้ว ทุกอย่างก็ไม่ได้ลงตัวและง่ายอย่างที่ลิซคิดเอาไว้ เธอต้องทุ่มเทและใส่ใจรีมัสมากเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้รีมัสปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตอย่างน้องหมาที่มีความสุขไม่ใช่นักสู้ที่ต้องตั้งรับการถูกโจมตีจากคู่ต่อสู้ตลอดเวลา
.
ด้วยความจริงใจ ความรักและความทุ่มเทของลิซทำให้น้องหมารีมัสยอมเปิดใจและยินดีที่จะเรียนรู้เพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น ลิซปฎิบัติต่อรีมัสอย่างคนสำคัญและหมั่นพาเขาออกไปเดินเล่นเข้าสังคมพบปะกับเพื่อนใหม่ทั้งมนุษย์และสัตว์แปลกหน้า การได้อยู่ในสภาพสังคมที่น่าอยู่อบอวลไปด้วยความปรารถนาดีต่อกัน ส่งผลทำให้รีมัสเริ่มเข้าใจว่าโลกที่เคยรู้จักแท้จริงแล้วน่าอยู่และสวยงามกว่าที่คิด หลังจากนั้นรีมัสก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขามีพฤติกรรมที่อ่อนโยนและเป็นมิตรขึ้นมาก การพบเจอเพื่อนใหม่แปลกหน้าไม่ใช่ปัญหาของเขาอีกต่อไป ชีวิตใหม่จริง ๆ ของรีมัสจึงเริ่มต้นขึ้นได้อีกครั้งแน่นอนลิซดีใจกับรีมัสมากเมื่อได้เห็นเขาส่ายหางและวิ่งเล่นอย่างมีความสุข ไม่มีอาหารหวาดกลัวทุกสิ่งรอบตัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว
.
.
จนกระทั่งในวันที่รีมัสต้องเข้าสู่บททดสอบใหม่ที่ท้าย เมื่อเขามีสถานะเปลี่ยนกลายเป็นพี่ชายคนโตเปิดหัวใจออกเพื่อต้อนรับน้องสาวตัวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้าน แน่นอนว่าลิซและสามีของเธอก็ค่อนข้างกังวลใจ แต่ลึก ๆ ก็เชื่อมั่นว่าลูกชายสี่ขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง
.
“ตอนแรกเราระมัดระวังมากเพราะรีมัสตัวใหญ่และแรงเยอะ เราจึงให้เขาได้สัมผัสน้องสาวตัวน้อยโดยมีคอกกั้น เขาค่อย ๆ บรรจงจุมพิตเธอและนั่งลงจ้องมองด้วยอาการสงบอย่างน่าประหลาดใจ เขารู้ทันทีว่าของต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษเมื่ออยู่กับเธอ”
ลิซกล่าว
.
รีมัสไม่ทำให้คุณแม่และคุณพ่อของเขาผิดหวังจริง ๆ เขาตกหลุมรักน้องสาวตั้งแต่แรกพบไม่ยอมห่างจากเธอเลย และจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้นด้วย
.
“เขาจะเข้ามานอนใกล้ ๆ ก่อนจะเอาคางมาเกยไว้บนเท้าของฉันทุกครั้งเสมอในตอนที่ฉันกำลังป้อนนมลูกสาวตัวน้อย บางครั้งเขาก็จะเข้ามาเลียที่หัวของน้องสาวหากเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้งอแงด้วย”
ลิซกล่าว
.
.
ในขณะที่การเลียเพื่อปลอบโยนน้องสาวเป็นสิ่งที่รีมัสทำได้ดีมาเสมอ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้รีมัสเพิ่งจะพัฒนาทักษะในการเป็นพี่เลี้ยงที่ดีไปอีกขั้น นั่นก็คือการช่วยคุณแม่ลิซปลอบโยนน้องสาวที่กำลังร้องไห้งอแง ด้วยการคาบหมอนที่ใช้สำหรับรองเพื่อให้การป้อมนมทารกน้อยได้สะดวกขึ้นมาให้คุณแม่ลิซทุกครั้ง
.
“ทุกครั้งที่ลูกสาวของฉันร้องไห้ ฉันจะให้เธอนอนบนหมอนรองสำหรับให้นมทารก จากนั้นฉันก็จะปลอบจนเธอหยุดร้องไห้ มีครั้งหนึ่งเธอร้องไห้ดังต่อเนื่องหลายนาทีแต่ทว่าหมอนรองอยู่ชั้นบน รีมัสจึงรีบวิ่งขึ้นชั้นบนและวิ่งกลับลงมาพร้อมกับหมอนรองในปากโดยที่ฉันไม่ได้บอกเขา ฉันทึ่งมากเขาแสนรู้และเป็นเด็กดีที่สุด”
ลิซกล่าว
.
.
รีมัสทำแบบนี้ทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องสาว เขาสังเกตและรู้ว่าหมอนรองจะช่วยทำให้น้องสาวพอใจจนหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด
.
.
ผลจากความทุ่มเทให้กับรีมัสทำให้ลิซเข้าใจพฤติกรรมสัตว์ที่ต้องผ่านประสบการณ์แย่ ๆ มานานได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถเยียวยาและช่วยให้รีมัสกลายมาเป็นลูกชายสี่ขาที่แสนดีและน่ารักในวันนี้ รีมัสเป็นแรงบันดาลใจทำให้ลิซเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง และเรียนรู้จิตวิทยาเพื่อบำบัดจิตใจ กระทั่งได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมน้องหมาที่ได้รับการรับรองจากหลายสถาบัน และปัจจุบันลิซมีโรงเรียนฝึกน้องหมาเป็นของตัวเองแล้วด้วย
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.