ลูกหมาตัวน้อยที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและได้รับการเอาใจใส่ในบ้านที่อบอุ่น ส่วนใหญ่มักจะเติบโตขึ้นกลายเป็นน้องหมาที่อ่อนโยน เป็นมิตรและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่นเดียวกับน้องหมาแสนดีในประเทศสหรัฐอเมริกาตัวนี้ เขาเพิ่งช่วยเหลือลูกสัตว์ปริศนาที่น่าสงสารเอาไว้ ก่อนจะพากลับบ้านเพื่อขอให้นายรักช่วยดูแลด้วยมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่มีวันปฏิเสธแน่นอน แต่ทว่าผิดคาดอย่างแรงจ้าาา เมื่อนายรักเอ่ยปากปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับเอามือทาบอกด้วยความตกกะใจอย่างแรง หลังจากที่มั่นใจว่าลูกสัตว์ปริศนาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง!

.

“ดั๊ก” (Doug) น้องหมาสายพันธุ์ลาบราดอรีทรีฟเวอร์ ขนสั้นสีช็อกโกแลต ลูกชายสี่ขาของ “ริชาร์ด วอร์แกน” (Richard Vaughan) บังเอิญพบลูกสัตว์ปริศนาตัวน้อยที่น่าสงสารกลางป่า ด้วยความแสนดีเขาจึงยื่นอุ้งเท้าน้อย ๆ เข้าไปช่วยเหลือ ก่อนจะพากลับบ้านเพื่อขอให้นายรักช่วยดูแล แต่ทันทีที่คุณพ่อริชาร์ดของเขาได้เห็นใบหน้าที่น่าเอ็นดูของลูกสัตว์ปริศนาตัวดังกล่าวก็พบว่า เขาเป็น "ลูกหมีดำ"(American Black Bear) สัตว์ป่าคุ้มครองที่ไม่ควรถูกดูแลโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในรั้วบ้านโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะนำมาซึ่งความเสี่ยงหลายประการทั้งชีวิตของลูกหมี และโทษทางกฎหมาย คุณพ่อริชาร์ดจึงต้องปฏิเสธเสียงแข็งกับลูกชายแสนดีอย่างดั๊ก

.

.

อย่างไรก็ตามริชาร์ดกลับไม่ได้ละเลยเร่งติดต่อศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Center of Virginia เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสัตว์ป่าเร่งเดินทางมารับตัวลูกหมีดำไปดูแลต่อ...

.

“เจฟฟ์ พีช” (Jeff Pease) เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลสัตว์ป่า ตัวแทนของศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Center of Virginia ที่เดินทางไปที่บ้านริชาร์ดเพื่อช่วยเหลือลูกหมีดำและพากลับมาดูแลที่ศูนย์ฯ เล่าว่า ตอนที่ได้พบกับลูกหมีดำตัวน้อยครั้งแรกเขารู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจมาก เนื่องจากลูกหมีดำดูอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นทันทีที่เดินทางมาถึงศูนย์ฯ ลูกหมีดำจึงถูกตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยสัตวแพทย์ทันที ซึ่งนั่นทำให้ทราบว่าลูกหมีดำมีน้ำหนักตัวเพียง 540 กรัม ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์มาก และจากข้อมูลน้ำหนักตัวก็พอทำให้สันนิษฐานได้ว่า ลูกหมีดำที่น่าสงสารไม่ได้รับการดูแลจากแม่หมีมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ทว่าเขาก็ยังโชคดีกว่าลูกหมีกำพร้าตัวอื่นมาก เพราะนอกจากจะรอดชีวิตมาได้แล้ว สัตวแพทย์ยังไม่พบโรค หรือบาดแผลร้ายแรงอื่นใดที่ต้องทำให้รู้สึกกังวลใจ

.

เจฟฟ์และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ จัดเตรียมพื้นที่พร้อมวางแผนดูแลลูกหมีดำผู้น่าสงสารอย่างใกล้ชิดในคอกอนุบาลลูกหมีแรกเกิดกับลูกหมีดำกำพร้าอีกตัว ที่นั่นเขาจะได้กินอาหารที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว และจะได้รับการดูแลตลอด 24 ชั่วโมงโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรง

.

"เรารับสัตว์ป่ามารักษาตัวในโรงพยาบาลสัตว์ของเรามากกว่า 3,000 ตัวในแต่ละปี สัตว์จำนวนหนึ่งมาหาเราในสภาพบาดเจ็บรุนแรง ที่นี่เรามีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์คอยช่วยเหลือพวกเขาตลอด นอกจากนั้นเรายังรับลูกสัตว์ป่ากำพร้าจำนวนหนึ่งมาดูแลด้วย เราจะดูแลจนกว่าพวกเขาโตพร้อมและสามารถมีชีวิตรอดในป่าได้ด้วยตัวเอง ในกรณีของลูกหมีดำตัวนี้เราตัดสินให้เขาอยู่ในตู้อบ และคอยให้อาหารบำรุงตลอด 24 ชั่วโมง"

อแมนดา นิโคลสัน (Amanda Nicholson) ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า Wildlife Center of Virginia กล่าว

.

"ลูกหมีดําตัวน้อยที่มีน้ำหนักตัวเพียงขนมปังก้อนหนึ่งในวันนี้ เขาจะกลายเป็นหมีดำตัวโตเต็มวัยที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 250 กิโลกรัม ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแรงจนสามารถพลิกก้อนหินน้ำหนักมากกว่า 140 กิโลกรัมได้ด้วยเพียงอุ้งมือเดียว หากคุณกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับหมีดำ คุณควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นภูเขาและป่าลึก หมีดําเก่งกาจมาก พวกเขามีความสามารถในการปีนเขาและว่ายน้ำ ดังนั้นการจะวิ่งไล่ตามคุณก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย"

เจฟฟ์กล่าว

.

.

เจฟฟ์ยังบอกอีกว่าสาเหตุที่ทำให้สัตว์ป่าที่สวยงามเหล่านี้ต้องกำพร้า ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหลักสองประการ ข้อแรกคือแม่หมีไม่สามารถผลิตน้ำนมได้ ข้อสองคือเธอได้รับการรบกวนจากไฟ่ป่าหรือจากมนุษย์ ซึ่งในกรณีนี้รวมไปถึงแม่หมีตายจากอุบัติเหตุ เช่น รถชน และถูกล่าจากนายพรานด้วย 

.

หลังจากที่ลูกหมีดำผู้น่าสงสารเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว เจฟฟ์และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ จะช่วยพาเขาไปเจอกับแม่หมีบุญธรรมที่พร้อมดูแลและสอนทักษะการเป็นหมีดำให้กับเขาต่อไป

.

.

อีกไม่นานเกินรอลูกหมีกำพร้าจะไม่ต้องนอนกอดกันและกันในคอกอีกแล้ว ส่วนแม่หมีบุญธรรมก็กำลังเตรียมความพร้อมรอมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นและปลอดภัยไว้ปลอบโยนลูกหมีกำพร้าอยู่...

.

.
ถึงแม้ว่าดั๊กจะผ่านไปเจอลูกหมีด้วยความบังเอิญและคาบกลับบ้านด้วยความซุกซนตามความเข้าใจของใครหลายคน แต่อย่างไรแล้วนั่นก็ทำให้ลูกหมีกำพร้ารอดชีวิต ได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่กำลังช่วยให้เขาแข็งแรง และเติบโตขึ้นเพื่อได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเช่นหมีดำตัวอื่น ๆ ในอนาคต
.

เจฟฟ์ยังทิ้งท้ายด้วยความรู้ที่เป็นประโยชน์อีกว่า... 

"หากคุณพบลูกหมีอยู่ลำพังกลางป่า ทางที่ดีที่สุดคืออย่าเข้าไปยุ่งกับพวกเขา การเข้าไปใกล้หรือเข้าไปเล่นด้วยอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทั้งตัวลูกหมีและตัวคุณเอง เมื่อคุณสัมผัสลูกหมีแล้ว กลิ่นตัวของพวกเขาจะเปลี่ยนไป มีโอกาสสูงมากที่แม่หมีจะไม่ยอมรับลูกของเธออีก หรือ หากแม่หมีอยู่ใกล้แต่คุณไม่สังเกตเห็น คุณอาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้"

.

.

.

 

.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip 
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com

“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”

.

.