มีน้องหมาไม่กี่ตัวหรอกนะครับที่จะทันเล่ห์กลและสามารถรับมือกับจิตใจมนุษย์ผู้ไม่หวังดีได้ ซึ่งนั่นทำให้น้องหมาหลายตัวต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากถูกลักพาตัวออกจากบ้าน... แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากมากที่น้องหมาผู้โชคร้ายเหล่านั้นจะสามารถเอาตัวรอดและมีโอกาสได้กลับมาพบหน้าครอบครัวได้อีกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย... เมื่อเร็วๆ นี้มีน้องหมาตัวหนึ่งในแคนาดาเขาไหวตัวทันพยายามขอความช่วยเหลือจากคนที่เขาเคยรู้จัก ใช้ความฉลาดแสนรู้พาตัวเองกลับบ้าน...
.
เรื่องราวการเอาตัวรอดของน้องหมาตัวดังกล่าว เริ่มต้นขึ้นเมื่อชายและหญิงปริศนาเดินเข้ามาซื้อของในร้านเพ็ทช็อปแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองกาตินนัว รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา พร้อมกับน้องหมาสายพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี่ ตัวน้อยที่ดูเป็นมิตร...
.
ขณะที่ “อีฟ โจโดอิน” (Yves Jodoin) พนักงานของร้านผู้เคยมีประสบการณ์เป็นครูฝึกน้องหมาอยู่ที่ศูนย์ฝึก Au Royaume des Animaux ก็กำลังทำหน้าที่ดูแลลูกค้าและจัดของบนชั้นสินค้าอยู่ภายในร้านด้วย
.
ไม่นานนักเรื่องผิดปกติชนวนที่ทำให้อีฟพนักงานในร้านเกิดคำถามตั้งข้อสงสัยก็เกิดขึ้น ทันทีที่น้องหมาตัวน้อยได้พบกับอีฟ เขาก็เริ่มเห่าเสียงดังและชี้เป้าให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ในตอนแรกอีฟเข้าใจว่านั่นคงเป็นเพียงแค่การทักทายตามประสา แต่ทว่าน้องหมากลับเห่าอยู่แบบนั้นอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดอีฟจึงเดินไปหยิบคุกกี้มาให้น้องหมากินเพื่อผูกมิตรและทำความรู้จักกับเขา หวังว่าน้องหมาจะอารมณ์ดียอมสงบลงบ้าง...
.
แต่หลังจากที่อีฟยื่นคุกกี้ให้กับน้องหมา เขากลับยิ่งเห่าหนักขึ้นกว่าเดิม คล้ายกับว่าต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจ อีฟเริ่มเกิดสงสัยและสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายหญิงผู้เป็นผู้ปกครองของน้องหมาหลังจากที่เดินห่างพวกเขาออกมาและเฝ้าสังเกตอยู่นานสักพัก
.
ความผิดปกติยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจในความปลอดภัยของน้องหมา อีฟจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาชายหญิงผู้ปกครองของน้องหมาพร้อมกับเชิญชวนเข้าสู่บทสนทนาเปิดประเด็นเพื่อสอบถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวน้องหมาของพวกเขา ในตอนนั้นเองที่ทำให้อีฟมั่นใจกับสิ่งที่คิดและตั้งข้อสงสัยเอาไว้ในใจ พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวของน้องหมา ทั้งเรื่องของวัคซีน อาหารที่ชอบ หรือแม้กระทั่งอายุ
.
“ลิเดีย โบวอิน” (Lydia Blouin) พนักงานประจำร้านอีกคนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเช่นกัน ในระหว่างที่อีฟกำลังยืนสนทนากับชายหญิงปริศนาผู้ต้องสงสัยลิเดียก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งหาวิธีช่วยน้องหมาอยู่... เธอเริ่มต้นด้วยการออนไลน์เฟซบุ๊กแล้วเข้าไปอัปเดตในหน้าเพจและกลุ่มสำหรับแจ้งข่าวประกาศตามหาน้องหมาในเมือง... ไม่นานนักความจริงทั้งหมดก็ถูกเปิดเผย...
.
ลิเดียพบรูปถ่ายของน้องหมาตัวหนึ่งบนโพสต์ประกาศตามหาน้องหมาในหน้าเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้องหมาที่มาพร้อมกับชายหญิงปริศนาไม่มีผิด น้องหมาบนประกาศมีชื่อว่า “แวนโก๊ะ” (Vango) และเขาเพิ่งจะหายตัวออกจากบ้านไปเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา อีกทั้งจุดที่แวนโก๊ะหายตัวไปก็อยู่ไม่ไกลจากร้านเพ็ทช็อปด้วย จากข้อมูลที่ได้ทำให้ลิเดียเชื่อว่าน้องหมาที่กำลังยืนอยู่ในร้านน่าจะเป็นตัวเดียวกันกับที่อยู่บนประกาศ
.
ลิเดียนำเรื่องราวทั้งหมดไปกระซิบบอกกับอีฟเบาๆ และทันทีที่อีฟทราบชื่อของน้องหมา ก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เคยเป็นครูฝึกน้องหมา แวนโก๊ะในวัยลูกหมาเคยเป็นนักเรียนในความดูแลของเขาด้วย และนั่นก็คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมแวนโก๊ะถึงได้พยายามเห่าทักทายเขาไม่หยุด มีความเป็นไปได้มากว่าแวนโก๊ะยังคงจดจำเขาได้ เมื่อพบคนที่ไว้ใจได้จึงพยายามร้องขอความช่วยเหลือ!
.
หลังจากที่ลำดับและทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว อีฟจึงเดินเข้าไปสอบถามชายหญิงปริศนาอีกครั้งว่า "น้องหมาตัวนี้ใช่แวนโก๊ะหรือไม่" ดูเหมือนว่าทันทีที่พวกเขาได้ยินคำถามก็มีอาการอ้ำอึ้ง! คล้ายกำลังรู้สึกไม่แน่ใจในสถานการณ์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยอมรับกับอีฟว่า "น้องหมาอาจจะเป็นแวนโก๊ะและไม่ใช่น้องหมาของพวกเขา" ชายหญิงปริศนาพยายามเล่าเรื่องราวก่อนที่น้องหมาจะมาอยู่ในความดูแลของพวกเขาว่า "ขณะที่น้องหมาอยู่ลำพังในป่าความบังเอิญก็ทำให้พวกเขาได้พบกัน และด้วยความสงสารพวกเขาจึงตัดสินใจเก็บเขามาเลี้ยง... "
.
อีฟยังคงยืนฟังเรื่องที่ทั้งสองพยายามเล่า... แต่ในระหว่างนั้นอีฟต้องหันไปดูแลลูกค้าอีกคนที่อยู่ภายในร้านชั่วขณะหนึ่ง ชายหญิงปริศนาจึงใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ขณะอีฟกำลังเผลอแอบเดินหนีออกจากร้านไปอย่างเงียบๆ และทิ้งน้องหมาแวนโก๊ะเอาไว้...
.
หลังจากนั้นอีฟจึงติดต่อไปยัง “โจเซ่ แฟรงเคอร์” (Josée Francouer) ผู้ปกครองของน้องหมาแวนโก๊ะตามหมายเลขติดต่อบนโพสต์ประกาศ เพื่อแจ้งให้ทราบว่าพวกเขาได้เจอกับแวนโก๊ะแล้ว เขาปลอดภัยดีและกำลังอยู่ในความดูแลของพวกเขา
.
โจเซ่ดีใจมากเมื่อได้ทราบข่าวดี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกใจมากเช่นกันหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากอีฟว่า ทั้งหมดนี้แท้จริงแล้วคือการลักพาตัว ครั้งแรกที่โจเซ่รู้ตัวว่าแวนโก๊ะหายตัวไปเธอเข้าใจว่านี่เป็นเพียงแค่การหนีเที่ยว ตระเวนวิ่งเล่นสนุกนอกบ้านตามปกติจนเกิดหลงทางเท่านั้น
.
โจเซ่กล่าวขอบคุณอีฟและลิเดียที่ช่วยเป็นหูเป็นตา ห่วงใยความรู้สึกของน้องหมาจนสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น และไม่ยอมนิ่งนอนใจพยายามตามหาคำตอบ กระทั่งในที่สุดก็พบกับความจริงสามารถช่วยเหลือแวนโก๊ะเอาไว้ได้ในที่สุด
.
โจเซ่นึกไม่ออกเลยว่าถ้าอีฟไม่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ แวนโก๊ะคงจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าเธออีกครั้งแน่ๆ เพราะแวนโก๊ะยังไม่ได้เข้ารับการฝังไมโครชิพเนื่องจากยังเด็ก...
.
หลังจากนั้นไม่นานนักโจเซ่ก็เดินทางมารับน้องหมาแวนโก๊ะที่ร้านเพ็ทช็อปด้วยตัวเอง แวนโก๊ะแสดงอาการดีใจเมื่อได้พบหน้ากับโจเซ่คุณแม่ของเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าแวนโก๊ะจะอายุน้อยอ่อนประสบการณ์แต่ทว่าความเฉลียวฉลาดและสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยมก็ทำให้เขาได้กลับบ้านอีกครั้ง
.
อย่างไรก็ตามหากไม่ได้อีฟและลิเดียสองพนักงานร้านเพ็ทช็อปช่างสังเกต เข้าใจในพฤติกรรมน้องหมาและไม่ละเลยต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้น สุดท้ายตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างไม่ลังเลใจจนสามารถช่วยแวนโก๊ะเอาไว้ได้ ทั้งสองนับว่าเป็นพลเมืองดีที่มีน้ำใจ เป็นความโชคดีของร้านเพ็ทช็อปที่ได้มีพนักงานคุณภาพทั้งสองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งช่วยดูแลงานภายในร้าน
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก Animal Channel, CBS News
.
.
.
.
ช่วยกดไลก์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ Dog’s Clip ด้วยนะครับ
หากมีประสบการณ์ หรือเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าเพื่อนสัตว์
อย่าลืมส่งมาแบ่งปันด็อกคลิปนะครับ เรื่องราวของคุณอาจสร้างแรงบันดาลใจ
หรือช่วยให้เหล่าเพื่อนสัตว์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กดเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด็อกคลิป , กดเพื่อส่งเรื่องราวของคุณ หรือติดแฮชแท็ก #dogsclip
..................................................................
บทความโดย dogsclip.com
“บทความถูกรวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่ด้วยสำนวนของด็อกคลิป บทความมีลิขสิทธิ์ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก และ หรือ ดัดแปลงนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อสร้างรายได้ก่อนได้รับอนุญาต”
.
.
